spacestr

🔔 This profile hasn't been claimed yet. If this is your Nostr profile, you can claim it.

Edit
Richter
Member since: 2023-07-25
Richter
Richter 19d

💰 3 วิธีหลักที่ 'รัฐบาล' ใช้ในการหาเงินมา 'พัฒนาประเทศ' 🇹🇭 คุณเคยสงสัยไหมว่ารัฐบาลเอาเงินจากไหนมาสร้างถนน สร้างโรงเรียน และโครงการต่าง ๆ? มาทำความเข้าใจ 3 ช่องทางหลักที่รัฐบาลใช้ระดมทุนกันครับ! 1. ภาษี: แหล่งรายได้หลักที่คุณมีส่วนร่วม! นี่คือวิธีที่คุ้นเคยที่สุด รัฐบาลจะเก็บภาษีจากประชาชนและธุรกิจต่าง ๆ เช่น ภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และอื่น ๆ ข้อจำกัด: การเก็บภาษีต้องมีขีดจำกัด หากเก็บมากเกินไปจะทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นภาระหนัก และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้ 2. กู้ยืมจากประชาชน: พันธบัตรรัฐบาล (วิธีตรงไปตรงมา) รัฐบาลจะออกพันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds) เพื่อขายให้กับประชาชนทั่วไป สถาบันการเงิน และนักลงทุน หลักการ: เป็นการกู้ยืมเงินจากประชาชน โดยรัฐบาลจะให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยแก่ผู้ซื้อ ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดรูปแบบหนึ่ง บทบาท: เป็นการดึงเงินออมของประชาชนมาใช้ในการพัฒนาประเทศ 3. การกู้ยืมจากธนาคารกลาง: 'พิมพ์เงิน' อ้อม ๆ (วิธีที่ต้องระวัง!) วิธีนี้ซับซ้อนขึ้นมาอีกขั้น และมักถูกพูดถึงในบริบทของการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือการขาดดุลงบประมาณ รัฐบาลออกพันธบัตร: เหมือนเดิม ขายให้ธนาคารกลาง: ธนาคารกลางจะพิมพ์เงินใหม่ (สร้างเงินในระบบดิจิทัล/บัญชี) เพื่อมาซื้อพันธบัตรเหล่านั้น ธนาคารกลางเก็บพันธบัตร: พันธบัตรกลายเป็นสินทรัพย์ของธนาคารกลาง เงินใหม่เข้าระบบ: เงินที่ถูกพิมพ์ออกมานั้นจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายของรัฐบาล วนซ้ำ: หากรัฐบาลมีความต้องการเงินเพิ่มและธนาคารกลางยังคงเข้าซื้อพันธบัตรต่อไป ก็จะเกิดการเพิ่มปริมาณเงินในระบบอย่างต่อเนื่อง ⚠️ สิ่งที่ต้องระวังสำหรับวิธีที่ 3: การเพิ่มปริมาณเงินในระบบอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะ เงินเฟ้อ (Inflation) ที่รุนแรงได้ เนื่องจากมีปริมาณเงินไล่ซื้อสินค้าและบริการในปริมาณเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นไม่ทัน ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นนั่นเอง สรุป ทั้ง 3 วิธีเป็นเครื่องมือทางการเงินที่รัฐบาลใช้ในการบริหารประเทศ แต่ละวิธีมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชนแตกต่างกัน การบริหารจัดการที่สมดุลจึงเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนครับ! #soundmoneyzap #siamstr #bitcoin

#soundmoneyzap #siamstr #bitcoin
Richter
Richter 20d

KYC ยิ่งเข้มงวด ยิ่งละเมิดความเป็นส่วนตัวจริงหรือ? 🧐 การทำ KYC (Know Your Customer) ถูกสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัยและป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน แต่วิธีการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า: เส้นแบ่งระหว่าง 'ความปลอดภัย' กับ 'การละเมิดความเป็นส่วนตัว' อยู่ที่ตรงไหน? 👁️ ความจริงที่ต้องแลก: ข้อมูลส่วนตัวมหาศาลตกอยู่ในมือใคร? เมื่อเราทำ KYC เรากำลังมอบข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่สุดให้กับสถาบันการเงิน ไม่ใช่แค่ชื่อ-สกุล แต่รวมถึง: ข้อมูลชีวมิติ (Biometrics): ภาพใบหน้า, การสแกนม่านตา, ลายนิ้วมือ ข้อมูลระบุตัวตน: สำเนาบัตรประชาชน, หนังสือเดินทาง ข้อมูลทางการเงิน: แหล่งที่มาของรายได้, ประวัติการทำธุรกรรม ประเด็นที่น่ากังวล: ภัยเงียบของการรวมศูนย์ข้อมูล (Data Centralization) การตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี (Data Breach Risk): เมื่อข้อมูลส่วนตัวมหาศาลรวมกันอยู่ที่ศูนย์กลางของสถาบันใดสถาบันหนึ่ง ก็กลายเป็น "ขุมทรัพย์" ล้ำค่าสำหรับแฮกเกอร์ หากเกิดการรั่วไหลเพียงครั้งเดียว ข้อมูลละเอียดอ่อนของเราก็จะหลุดสู่สาธารณะอย่างถาวร การเฝ้าระวังและการติดตาม (Surveillance): การทำ KYC อย่างเข้มข้นทำให้รัฐบาลหรือหน่วยงานกำกับดูแลสามารถ "ติดตาม" และ "ตรวจสอบ" กิจกรรมทางการเงินของเราได้อย่างง่ายดาย ซึ่งอาจนำไปสู่การเซ็นเซอร์ทางการเงิน (Financial Censorship) หรือการจำกัดอิสระในการใช้จ่าย การนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม: มีความเสี่ยงที่ข้อมูลที่เราให้ไปเพื่อวัตถุประสงค์หนึ่ง อาจถูกนำไปใช้เพื่อวิเคราะห์, ทำการตลาด, หรือแบ่งปันกับหน่วยงานอื่นโดยที่เราไม่ได้ยินยอมอย่างชัดเจน ❓ คำถามที่เราต้องถาม (ในฐานะผู้บริโภค) ข้อมูลนี้จะถูกเก็บไว้นานแค่ไหน? และเมื่อเรายกเลิกบริการแล้ว ข้อมูลจะถูกทำลายหรือไม่? ใครบ้างที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลไบโอเมตริกของเรา? มีมาตรการทางเทคโนโลยีอะไรบ้าง (เช่น การเข้ารหัส) ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหล? 🔐 สรุป: KYC เป็นดาบสองคม ในขณะที่มัน "ป้องกัน" อาชญากรรม แต่ก็ "เปิดเผย" ตัวตนและพฤติกรรมทางการเงินของเราอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เราควรเรียกร้องให้มีมาตรฐานที่เข้มงวดกว่านี้ ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเราควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยของระบบ! คุณคิดว่าผลประโยชน์ด้านความปลอดภัยที่ได้จาก KYC คุ้มค่ากับการ "แลก" ด้วยข้อมูลส่วนตัวของเราหรือไม่? แสดงความคิดเห็นด้านล่างได้เลยครับ! #soundmoneyzap #siamstr #bitcoin

#soundmoneyzap #siamstr #bitcoin
Richter
Richter 21d

จริง ๆ แล้วมันคือ "ทามาก็อตจิ" ตะหากล่ะ "ทามาก็อตจิ" (Tamagotchi) คือ ของเล่นสัตว์เลี้ยงดิจิทัลรูปไข่ จากญี่ปุ่นที่ฮิตมากในยุค 90s ให้ผู้เล่นดูแลเหมือนสัตว์จริง ทั้งให้อาหาร อาบน้ำ เล่นด้วย เพื่อให้มันเติบโตได้หลายสายพันธุ์ เป็นเกมเสริมทักษะ พกพาสะดวก และตอนนี้มีรุ่นใหม่ๆ อย่าง Tamagotchi Paradise ออกมาให้เล่นอีกด้วยนะ #Soundmoneyzap #siamstr #bitcoin #tamagotchi

#Soundmoneyzap #soundmoneyzap #siamstr #bitcoin #tamagotchi
Richter
Richter 22d

🐖🌾 เรื่องเล่าจากหมู่บ้านที่ของแพงขึ้นทุกวัน — แต่ไม่มีใครรู้ว่านี่คือเงินเฟ้อกำลังกัดกินชีวิตเราอยู่ 🌾🐖 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีลมพัดเอื่อย ๆ ต้นมะม่วงหน้าบ้านยังออกลูกเหมือนเดิม ไก่ก็ยังขันตอนตีห้าเหมือนเคย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ… ทุกอย่าง…แพงขึ้นเงียบ ๆ โดยไม่มีใครบอก 🧂 ป้าแก้วกับกะปิถุงเดิม แต่ราคาไม่เดิม ป้าแก้วเปิดร้านขายของชำมานานกว่า 20 ปี เมื่อก่อนกะปิถุงละ 18 บาท เด็ก ๆ ยังมางอแงขอต่อราคาเล่น ปีที่แล้วมันขึ้นเป็น 22 บาท ปีนี้ก็ขึ้นอีกเป็น 25 บาท ป้าแก้วพูดติดตลกว่า > “ของมันแพงขึ้นเรื่อย ๆ ลูกเอ๊ย ไม่ขึ้นตามเขาก็อยู่ไม่ได้แล้ว” เสียงหัวเราะของป้าแก้วดูเหมือนชินชากับมันไปแล้ว แต่ตาเธอมีแววเหนื่อยล้า… เพราะลูกค้าซื้อของน้อยลงทุกปี 🥬 ลุงคำมีเงินเท่าเดิม แต่ซื้อของได้แค่ครึ่ง ลุงคำทำไร่ผักมาทั้งชีวิต ขายผักตามตลาดนัดทุกวันพุธ แต่เดี๋ยวนี้เงินที่เคยใช้ได้ทั้งอาทิตย์ กลับใช้ได้แค่ 3 วัน เขาบ่นเบา ๆ ว่า… > “ของมันแพงขึ้นทุกปี แต่เงินก็ได้เท่าเดิม คนเฒ่าแบบลุงใช้ยังไม่พอเลย แล้วพวกเด็กเมืองจะเหลือเหรอ?” 🏠 บ้านหลังเดิมที่ลูกหลานไม่มีวันซื้อได้ สมัยพ่อแม่นั้น แค่ทำงานเก็บเงินไม่กี่ปีก็ซื้อบ้านได้หลังหนึ่ง แต่ลูกหลานยุคนี้ รายได้เพิ่มปีละไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ส่วนราคาบ้าน… เพิ่มปีละเป็นสิบเปอร์เซ็นต์ เด็กหนุ่มในหมู่บ้านพูดกับเพื่อนว่า > “ทำงานทั้งชีวิตก็ซื้อบ้านในตัวเมืองไม่ได้ เก็บยังไงก็ไม่ทันราคาที่มันพุ่ง” ไม่ใช่เพราะเขาขี้เกียจ แต่เพราะ “อำนาจซื้อ” ของเขาถูกกัดกินช้า ๆ มานานหลายปีแล้ว 🍛 ข้าวแกงเจ๊อ้อย จาก 35 กลายเป็น 45 แบบไม่รู้ตัว เมื่อก่อนใครผ่านตลาดก็ต้องแวะกินข้าวแกงเจ๊อ้อย อร่อย ราคาดี จนคนแน่นร้านทุกวัน แต่หมูขึ้น น้ำมันขึ้น ข้าวขึ้น ค่าแก๊ซขึ้น ทุกอย่างขึ้น… ยกเว้นเงินเดือนลูกค้า สุดท้ายข้าวแกงจาก 35 บาท กลายเป็น 45 บาท เจ๊อ้อยถอนหายใจ > “ขึ้นก็โดนด่า… ไม่ขึ้นก็อยู่ไม่ได้ คนขายเองก็ถูกเงินเฟ้อเล่นงานเหมือนกัน” 🔥 นี่ไม่ใช่แค่ “ของแพงขึ้น” แต่มันคือ… “ชีวิตแพงขึ้น” เงินเฟ้อทำงานแบบโจรย่องเบา มันไม่เคยตะโกน มันไม่เคยส่งเสียง แต่ทุกวันมันจะขโมย “ความรู้สึกมั่นคง” ของเราไปทีละนิด มันพรากไปทั้ง… ✔ อำนาจซื้อ ✔ โอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว ✔ ความฝันในอนาคต ✔ ความรู้สึกว่า “ชีวิตกำลังดีขึ้น” และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เราถูกทำให้คิดว่า…นี่คือเรื่องปกติ 🌱 แล้วเราจะทำอะไรได้บ้างในโลกที่ของแพงทุกปี? ไม่ต้องหายเข้าเมือง ไม่ต้องเข้าใจศัพท์ยาก ๆ แต่ต้องเข้าใจสิ่งนี้: 💡 “เก็บเงินไว้เฉย ๆ = มูลค่าลดลงเรื่อย ๆ” ถ้าอยากเอาตัวรอด ต้องให้เงินวิ่งให้เร็วกว่าเงินเฟ้อ ไม่ว่าจะเป็น… • หางานเสริม • พัฒนาทักษะ • ลงทุนสินทรัพย์ที่โตทันเงินเฟ้อ • หรือแบ่งเงินบางส่วนไปอยู่ในสินทรัพย์ที่หายากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ทองคำ หรือ Bitcoin เพราะสุดท้าย… 🚩 ในโลกที่ทุกอย่างแพงขึ้นทุกปี การไม่ทำอะไรเลยคือความเสี่ยงที่สุด 🌾 เงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องของนักเศรษฐศาสตร์ แต่มันคือเรื่องของชีวิตหมู่บ้าน…ของชีวิตเรา ของแพงขึ้นทุกปีไม่ใช่เรื่องปกติ มันคือสัญญาณเตือนที่เราทุกคนต้องเริ่มฟัง #soundmoneyzap #siamstr #bitcoin

#soundmoneyzap #siamstr #bitcoin
Richter
Richter 23d

GM and GN ☀️ 🌜 ขอให้เป็นวันที่ดี #siamstr #siamstrog #nostr

#siamstr #siamstrog #nostr

Welcome to Richter spacestr profile!

About Me

แปดริ้ว == ฉะเชิงเทรา

Interests

  • No interests listed.

Videos

Music

My store is coming soon!

Friends