ในวันที่ระบบการเงินของโลกไม่ได้ยึดโยงกันระหว่างสกุลเงินประจำชาติและสกุลเงินสากลอย่างทองคำได้อย่างแท้จริง . ปริมาณทองคำที่ไม่ทราบชัดแน่นอนว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจทั้งเงินสดและเครดิตที่ถูกสร้างอย่างไม่จำกัดโดยที่ไม่มีสิ่งใดมาสนันสนุนให้เกิดคุณค่าอย่างแท้จริง . หลักการของระบบเศรษฐกิจตลาดเสรีที่ให้กรรมสิทธิ์แก่บุคคล เสรีภาพในการเลือก การแข่งขัน พลวัตอุปสงค์และอุปทานโดยปราศจากการแทรกแซงของรัฐฯจากการผลิตเงิน (หนี้) โดยให้สิทธิและเสรีแก่มนุษย์ในการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเสรีภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ภายใต้มาตรเดียวกันที่เที่ยงตรง นับจำนวนได้และมีจำกัดตายตัว . ความจริงแล้วที่ศึกษาและให้การสนับสนุนบิตคอยน์ก็เพราะเรื่องเหล่านี้ หลักการที่เป็นแก่นสารสามารถนำมาตอบคำถามและช่วยแก้ไขปัญหาในหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ . มนุษย์ควรแค่สร้างสินค้าและบริการจากทรัพยากรที่มีให้คุ้มค่ามากที่สุดโดยมีมาตรฐานของเงินแบบเดียวกัน แล้วปล่อยให้เสรีภาพเป็นไปตามกลไลที่ควรจะเป็น

เมื่อวานปิดบล็อกไวมากครับ ☺️

มีหลายแง่มุมให้ชวนคิดชวนคุยเลยครับ เมื่อสิบปีก่อนผมคิดว่าลูกนี่แหล่ะจะเป็นคนที่เราสามารถสั่งสอนได้อย่างสนิทใจที่สุด แต่สิ่งที่เราสอนจะไม่มีใครเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน เพราะมนุษย์ต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แล้วสิ่งใดล่ะที่เราควรตั้งไว้เป็นหลักของการดำเนินชีวิต? หลังจากได้รู้จักและศึกษาบิตคอยน์ที่เปิดประตูฉากหน้าสำหรับศึกษาเรื่องอื่นๆต่อ ผมกลับพบว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเชื่อมโยงกันหมด บิตคอยน์ทำให้ผมนำความรู้มาปรับเรื่องการบริหารพลังงานสำรองได้ดีเลยครับ ☺️

ระหว่างรอโอนเงินจาก Bitkub เข้า Cold Wallet เปิด Bitkub และ เปิด Address ปลายทางบนหน้า mempool(.)space ปรากฏว่ามีเสียงเหมือนเหรียญกระทบกันคล้ายเวลาไปชำระเงินที่แคชเชียร์ 😁 ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงจาก Bitkub หรือ mempool(.)space เมื่อขั้นตอนการโอนสำเร็จ (Confirmed UTXOs)? #Siamstr

อรุณสวัสดิ์ครับ ☺️

ทำดีก็เพราะ “ความดี” ผมเลือกที่จะเก็บออมจากแรงกายและแรงใจที่ใช้เป็นพลังงานในการสร้างผลผลิตที่เหลือจากการใช้งาน เก็บออมในสิ่งที่เราเชื่อจากความรู้ที่พอมี “ศัตรูอยู่ภายใน” ช่วงนี้มองออกไปก็เห็นความผันผวนในใจของใครหลายคนที่แสดงออกมา อาจจะเพราะความกังวลในความเสี่ยงจากการลงทุน ในวันที่ผมอยากรักษาและใช้คุณสมบัติที่ดีของบิตคอยน์เพื่อเป็นบรรทัดฐานของการดำรงชีวิต GM Cup ☺️☕️ และอรุณสวัสดิ์ทุกคน #Siamstr

อรุณสวัสดิ์ครับผม ☺️🧡☕

อากาศชื้นเย็นด้วยลมโชยพัดอ่อน เผลอตัวเผลอใจมาสักพัก ออกมานั่งตรงนี้ได้ยังไง?

GM cup ☺️

(Oct 3) แบงก์ชาติรุกสกัดร้านค้า(ม้า) ปรับเกณฑ์เข้มใช้เครื่อง EDC-คิวอาร์โค้ด: ธปท.เดินหน้ายกระดับจัดการความเสี่ยงร้านค้าสกัดทุจริต ตีกรอบผู้ประกอบธุรกิจบริการรับชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ 4 ประเภท ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ขั้นต่ำ “เคทีซี” คาดแบงก์ชาติออกเกณฑ์ใหม่ไม่เกินปีนี้ หวังสกัดร้านค้าม้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศแนวทางยกระดับการบริหารจัดการความเสี่ยงร้านค้า (Merchant Fraud Management : MFM) เนื่องจากปัจจุบันการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความนิยม และมีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้แก่ร้านค้าในการรับชำระเงินผ่านช่องทางดังกล่าว เช่น การวางเครื่องรับบัตร (EDC), บริการ QR Code, บริการ Online Direct Debit เป็นต้น โดย ธปท.ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินและการจัดระดับความเสี่ยง และการจัดให้มีกระบวนการรู้จักและการติดตามความเสี่ยงให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงร้านค้า ให้ครอบคลุมการบริหารจัดการภัยทุจริตดิจิทัล ทั้งนี้ ธปท.ได้เปิดรับความคิดเห็น (ร่าง) หลักเกณฑ์การบริหารจัดการความเสี่ยงร้านค้า (MFM) ประกอบด้วย 1.ประกาศหลักเกณฑ์การบริหารจัดการความเสี่ยงร้านค้า และ 2.มาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการบริหารจัดการความเสี่ยงร้านค้า ซึ่งจะบังคับใช้กับผู้ประกอบธุรกิจบริการรับชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย 1.ผู้ประกอบธุรกิจบริการแก่ผู้รับบัตร (Acquirer) 2.ผู้ประกอบธุรกิจบริการสนับสนุนบริการแก่ผู้รับบัตร (Payment Facilitator) 3.ผู้ประกอบธุรกิจบริการรับชำระเงินแทน 4.ผู้ประกอบธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) โดยเกณฑ์จะมีมาตรฐานขั้นต่ำ อาทิ การรู้จักร้านค้า (Onboarding) หรือ Identification เพื่อทราบข้อมูลการประกอบธุรกิจของร้านค้าในเบื้องต้น เช่น ประเภทสินค้า/บริการ และการคาดการณ์ยอดขาย ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจสามารถใช้ในการแบ่งกลุ่มขนาดร้านค้า (ขนาดเล็ก/ใหญ่) และกำหนดวงเงินในการรับชำระเงินให้กับร้านค้าแต่ละรายอย่างเหมาะสม ทั้งยังใช้เป็นข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการความเสี่ยงร้านค้า เพื่อตรวจสอบว่าลักษณะการขายและยอดขายต่อวันหรือต่อเดือนไม่สอดคล้องกับ Merchant Profile จนอาจเข้าข่ายเป็นธุรกรรมต้องสงสัย โดยร้านค้าขนาดเล็ก กำหนดยอดขายไม่เกิน 100,000 บาท/เดือน เช่น ตลาดสด รถเข็น และขนาดใหญ่ ยอดขายมากกว่า 100,000 บาท/เดือน ขณะที่ร้านค้าที่มีความเสี่ยงสูง จะต้องมีกระบวนการหรือระบบงานที่มีเทคโนโลยีเพื่อใช้ติดตาม ตรวจสอบธุรกรรมที่เข้มข้นขึ้น เช่น การเพิ่มความถี่ในการออก ตรวจสอบหน้าร้านหรือช่องทางการขายทางออนไลน์สำหรับร้านค้าที่มีพฤติกรรมและธุรกรรมต้องสงสัย การสุ่มการตรวจสอบแบบไม่แสดงตน (Mystery Shopping) การใช้ Web Crawler หรือ JavaScript ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงบน Website ของร้านค้า และการตรวจสอบ (Verification) เพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง แท้จริง และเป็นปัจจุบันของข้อมูลและหลักฐานตามที่ผู้ประกอบธุรกิจได้แจ้งไว้ เพื่อป้องกันการใช้บัญชีรับชำระเงินของร้านค้าในทางทุจริต โดยตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีม้ากับชื่อเจ้าของบัญชีร้านค้า หรือผู้มีอำนาจจัดการร้านค้า หรือผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง สำหรับร้านค้าขนาดใหญ่ จะต้องมีการสุ่มตรวจสอบ Site Visit สำหรับร้านค้าที่มีสถานที่ประกอบธุรกิจ หรือใช้วิธีการอื่นเทียบเท่าแทนการตรวจสอบ Site Visit เป็นต้น และร้านค้าที่มีความเสี่ยงสูง ตรวจสอบ Site Visit ทุกราย นายไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานควบคุมงานปฏิบัติการและปฏิบัติการร้านค้า บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี เปิดเผยว่า ตอนนี้เคทีซีมีร้านค้าประมาณ 1.3 หมื่นร้านค้า มีทั้ง Online ซึ่งจะเป็น e-Commerce และ Offline ที่เป็นร้านที่มี EDC โดยพบว่ามีการทุจริตอยู่บ้าง แต่เป็นลักษณะที่ร้านค้าจงใจนำบัตรทุจริตมาใช้ที่ร้านค้าเลย ไม่ได้เป็นกรณีนำเครื่องไปให้มิจฉาชีพใช้ “ส่วนใหญ่เคทีซีระงับธุรกรรมไว้ได้ทัน เนื่องจากเคทีซีจะมีระบบการดูแลความปลอดภัยในด้านฝั่งร้านค้าไว้อยู่แล้ว มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่สูง คือไม่ถึงล้านบาท ขณะเดียวกัน ธปท.กำลังจะออกนโยบาย หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรู้จักร้านค้า KYM หรือ Know Your Merchant กำหนดเรื่องการจะรับร้านค้าเข้ามาอยู่กับบริษัท หรือเอา EDC ไปให้เขาใช้ จะต้องมีกระบวนการรู้จักร้านค้าให้ดี เช่น ร้านอยู่ตรงไหน ขายอะไร และใครเป็นเจ้าของ จะไม่ใช่เป็นแบบให้ลูกค้าส่งข้อมูลออนไลน์ แล้วส่งเครื่อง EDC ไปติดตั้ง”... สำหรับเกณฑ์ของ ธปท.ที่กำลังจะออกมานั้น เคทีซีไม่ได้มีปัญหา เนื่องจากเคทีซีทำตามเกณฑ์ส่วนใหญ่อยู่แล้ว จึงไม่กระทบ ไม่ต้องปรับอะไรมาก เช่น การรู้จักร้านค้า (Onboarding) ที่จะให้พนักงานเซลส์ไปดูร้านค้าจริง เก็บรายละเอียดร้านค้า ถ่ายรูปสินค้า และรูปคู่กับร้านค้าว่ามีการตรวจสอบจริง รวมถึงดูเรื่องของงบการเงินประกอบด้วย “นอกจากเพื่อป้องกันร้านค้าทุจริตแล้ว สิ่งที่ ธปท.กลัวอีกอย่าง คือ ร้านค้าม้า คือรับผ่านเงินอย่างเดียว ไม่ได้ตั้งใจจะขายสินค้า เป็นช่องทางผ่านเงิน เพราะวันนี้เราไปโฟกัสกับบุคคลธรรมดาที่เป็นม้า แต่วันนี้มันอยู่ในรูปนิติบุคคลที่เป็นม้าด้วย ธปท.จึงต้องการให้มั่นใจว่า ร้านค้าที่รับ Payment มีการทำธุรกิจจริง ขายของจริง ไม่ใช่จดทะเบียนและให้เราไปติดตั้งเครื่อง แบบนี้ไม่ได้ ซึ่งคาดว่าเกณฑ์ใหม่ของ ธปท.น่าจะออกมาได้ภายในปีนี้” Source : ประชาชาติธุรกิจ #Siamstr