spacestr

🔔 This profile hasn't been claimed yet. If this is your Nostr profile, you can claim it.

Edit
หมออรรถพล
Member since: 2025-04-04
หมออรรถพล
หมออรรถพล 23d

https://youtu.be/sbfllJghw7w?si=3WaQ18INSXOaDE8-

หมออรรถพล
หมออรรถพล 23d

## โครงการ MKUltra, ทฤษฎีสมคบคิด และผลกระทบต่อสังคมในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โครงการ MKUltra ของหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ถือเป็นบทมืดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการทดลองมนุษย์อย่างผิดกฎหมายและการแสวงหาเทคนิคการควบคุมจิตใจ ซึ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด และมีผลกระทบต่อสังคมอย่างลึกซึ้งในหลายมิติ [1, 2] ### โครงการ MKUltra: ต้นกำเนิด วิธีการ และการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆ โครงการ MKUltra ดำเนินการโดย CIA ตั้งแต่ปี 1953 ถึง 1973 โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการพัฒนากลวิธีและระบุยาสำหรับการควบคุมจิตใจ การรวบรวมข้อมูล และการทรมานทางจิตวิทยา [1, 2] โครงการนี้เกิดขึ้นจากความกังวลในช่วงสงครามเย็นว่าโซเวียต จีน และเกาหลีเหนือ อาจใช้เทคนิคการควบคุมจิตใจกับเชลยศึกชาวอเมริกัน [2] เป้าหมายคือการหา "เซรุ่มแห่งความจริง" และสร้างบุคคลแบบ "แมนจูเรียน แคนดิเดต" ที่สามารถถูกควบคุมให้กระทำการโดยไม่สมัครใจ [2] วิธีการที่ใช้มีความหลากหลายและมักจะรุนแรง โดยรวมถึง: * การให้ยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในปริมาณสูงโดยไม่ได้รับความยินยอม เช่น **LSD, MDMA, เมสคาลีน, เฮโรอีน, บาร์บิทูเรต, เมทแอมเฟตามีน, ไซโลไซบิน, มอร์ฟีน และคูเรเร** [2-4] * การใช้ไฟฟ้าช็อต, การสะกดจิต, การจำกัดการรับรู้, การแยกตัว และการล่วงละเมิดทางวาจาและทางเพศ [2] การดำเนินงานของ MKUltra มีการละเมิดจริยธรรมและกฎหมายอย่างร้ายแรง รวมถึงการใช้พลเมืองสหรัฐฯ และแคนาดาเป็นเหยื่อโดยไม่ได้รับความยินยอม ซึ่งเป็นการละเมิดหลักจริยธรรมสากล **ประมวลกฎหมายนูเรมเบิร์ก** [2, 5, 6] ความลับสุดยอดของโครงการนี้ถูกปกปิดโดยผู้อำนวยการ CIA ริชาร์ด เฮล์มส์ ซึ่งสั่งทำลายบันทึกส่วนใหญ่ในปี 1973 ทำให้การสอบสวนของรัฐสภาในภายหลังเป็นไปอย่างยากลำบาก [5-8] **สถาบันที่เกี่ยวข้อง**มีอย่างกว้างขวางถึงกว่า 80 แห่ง นอกเหนือจากหน่วยงานทางทหาร ได้แก่: * **บริษัทยา:** **Eli Lilly & Company** ถูกระบุว่าเป็นผู้จัดหายา LSD หลักให้แก่ CIA [9] นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาอื่นๆ อีกหลากหลาย แต่ชื่อบริษัทอื่นๆ ไม่ได้ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน เนื่องจากการทำลายบันทึกและความลับของโครงการ [10, 11] * **สถาบันการศึกษา:** มหาวิทยาลัยหลายแห่งถูกใช้เป็นฉากบังหน้าสำหรับการทดลอง รวมถึง **McGill University (Allan Memorial Institute)** ที่ ดร. โดนัลด์ อีเวน คาเมรอน ดำเนินการทดลอง "psychic driving" และ "depatterning" ที่ทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง [12, 13] **Stanford University** และ **Columbia University** ก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก CIA เพื่อศึกษาผลกระทบของ LSD [14, 15] **มหาวิทยาลัยแมริแลนด์** ได้ทำการทดลองฝังขั้วไฟฟ้าในสมองสุนัข โดยมีเป้าหมายจะขยายผลไปสู่มนุษย์ [15] * **สถานพยาบาล:** โรงพยาบาลและ "เซฟเฮาส์" ลับถูกใช้เป็นสถานที่ทดลอง [16] **Georgetown University Hospital** ถูกใช้เป็น "cut-out" เพื่อปกปิดการมีส่วนร่วมโดยตรงของ CIA [17] **"เซฟเฮาส์" ของ CIA ในปฏิบัติการ Midnight Climax** ในซานฟรานซิสโกและนิวยอร์กซิตี้ ใช้โสเภณีล่อลวงลูกค้ามาให้ยา LSD และสารอื่นๆ โดยไม่ได้รับความยินยอม และเฝ้าติดตามพฤติกรรม [18] นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลอื่นๆ อีกกว่า 130 แห่งทั่วสหรัฐฯ ที่มีส่วนร่วม โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มประชากรที่เปราะบาง เช่น เด็กชายที่มีความบกพร่องทางจิต และผู้ป่วยจิตเวช [19] * **เรือนจำ:** เรือนจำถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองอย่างเป็นระบบ โดยใช้ผู้ต้องขังที่เปราะบาง เช่น **Atlanta Penitentiary** ซึ่งนักโทษได้รับยา LSD-25 ในปริมาณมาก [20, 21] การใช้ผู้ต้องขังในการวิจัยคล้ายคลึงกับการทดลองของนาซีในค่ายกักกัน และหน่วย 731 ของญี่ปุ่น [22] * **หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ:** โครงการนี้เกี่ยวข้องกับ **U.S. Army Chemical Corps, U.S. Army Biological Warfare Laboratories** และ **Federal Bureau of Narcotics** [23-25] MKUltra ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรุ่นก่อนหน้า เช่น **Project CHATTER, Project Bluebird และ Project Artichoke** ซึ่งมุ่งเน้นเทคนิคการซักถามและการควบคุมจิตใจ [25] ### "ทฤษฎีสมคบคิด" และผลกระทบต่อสังคมในอดีต คำว่า **"ทฤษฎีสมคบคิด" (Conspiracy Theory)** ถูกสร้างขึ้นโดย CIA เพื่อ **ปิดกั้นขบวนการแสวงหาความจริง** (Truth Movement) และ **ปิดปากการถกเถียงสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา** [26, 27] การประทับตรานี้ถูกใช้มานานหลายทศวรรษเพื่อขัดขวางผู้แสวงหาความจริง และทำให้ความคิดเชิงวิพากษ์ถูกมองข้ามและเย้ยหยัน [27] ในอดีต การที่สื่อกระแสหลัก (MSM) เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดปลอมจำนวนมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้นำชาวอเมริกันให้เข้าใจผิด [28] เช่น รายงานทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 และการลอบสังหาร JFK ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมา [28, 29] ตัวอย่างการลอบสังหาร JFK ซึ่งหน่วยงานต่างๆ เช่น CIA, FBI, Secret Service, ตำรวจ และสำนักงานชันสูตรศพ อาจเกี่ยวข้องกับการปกปิดความไร้ประสิทธิภาพหรือการสมรู้ร่วมคิดขนาดใหญ่ [30] แคธี่ โอไบรอัน ผู้เปิดโปงโครงการ MKUltra กล่าวว่าเธอถูกทรมานและควบคุมจิตใจตั้งแต่เด็กภายใต้โครงการนี้ [31] การเป็นพยานของเธอในปี 1995 ถูก **เซ็นเซอร์ภายใต้ "ความมั่นคงของชาติ"** (National Security) เนื่องจากข้อมูลของเธอถูกตรวจสอบและยืนยันแล้ว [32] เธอเน้นย้ำว่า **ความรู้คือการป้องกันการควบคุมจิตใจ** และเหตุผลที่พวกเขาเรียกใช้ความมั่นคงของชาติก็คือไม่ต้องการให้ประชาชนมีข้อมูล [33] เธอเชื่อมโยงสูตรการควบคุมจิตใจที่เข้ามาในสหรัฐฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่าน **"โครงการ Paperclip"** ซึ่งนำนักวิทยาศาสตร์นาซีมาพร้อมกับงานวิจัยของฮิตเลอร์-ฮิมม์เลอร์เกี่ยวกับการควบคุมจิตใจโดยอาศัยบาดแผล (trauma-based mind control) [34, 35] ผลกระทบในอดีตคือ **การกัดกร่อนความไว้วางใจของสาธารณะ** ในสถาบันภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานข่าวกรอง และสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ [6, 15] การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงใน MKUltra และการปกปิดข้อมูลในโครงการ Paperclip (ซึ่งมีการ "ล้างประวัติ" นักวิทยาศาสตร์นาซี) ได้สร้าง **รากฐานทางจริยธรรมที่เป็นปัญหา** สำหรับการปฏิบัติการข่าวกรองในอนาคต [36-38] โอไบรอันยังได้เปิดเผยว่านักการเมืองที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น **เจอรัลด์ ฟอร์ด, ปิแอร์ ทรูโด, โรเบิร์ต ซี. เบิร์ด, ดิ๊ก เชนีย์, โรนัลด์ เรแกน และมาเดลีน อัลไบรท์** มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เธอในเรื่องเพศ และกิจกรรมการค้ามนุษย์ เพื่อควบคุมและปั่นป่วนระบบการเมือง [39-47] เธอยังกล่าวถึงความพยายามของบุคคลอย่าง **บิล เบนเน็ตต์** เลขาธิการการศึกษาของเรแกน ในการนำเสนอ **"โครงการการศึกษาระดับโลก" (global education program)** ที่อิงจากแนวคิดการปลูกฝังอุดมการณ์เยาวชนของฮิตเลอร์ โดยถอดการเขียนด้วยมือออกจากการเรียนการสอน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการปิดกั้นการคิดเชิงวิพากษ์ [48, 49] ### ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน ในยุคปัจจุบัน ความสงสัยในข้อมูลอย่างเป็นทางการยังคงมีอยู่ [6, 15] อย่างไรก็ตาม **การแพร่หลายของอินเทอร์เน็ต** ทำให้ผู้ที่ถูกเรียกว่า "นักทฤษฎีสมคบคิด" หรือ "ผู้ยึดมั่นในความเป็นจริงของการสมคบคิด" (conspiracy realists) สามารถทำงานร่วมกันและแบ่งปันข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การท้าทายเรื่องเล่าอย่างเป็นทางการ [29] แคธี่ โอไบรอัน เชื่อว่า **การควบคุมจิตใจยังคงถูกใช้เพื่อนำไปสู่วาระ "สังคมทาสนิยมโลกาภิวัตน์" (globalist slave society agenda)** ที่เรากำลังประสบอยู่ทุกวันนี้ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากการค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ [33, 34] เธอเห็นว่าเหตุการณ์ต่างๆ เช่น **การระบาดของ COVID-19 เป็น "การควบคุมจิตใจที่ถูกอำพรางเป็นไวรัส"** ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมประชากรโลก และเชื่อมโยงกับการลดจำนวนประชากรและการเคลื่อนไหวของกลุ่มข้ามเพศเพื่อหยุดการสืบพันธุ์ของมนุษย์ [50-52] การควบคุมโดยการแบล็กเมล์ยังคงเป็นกลไกสำคัญ ดังที่เห็นได้จากกรณีของ **เจฟฟรีย์ เอปสไตน์** ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลนี้อาจทำให้การควบคุมของรัฐบาลพังทลาย [40, 53] นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงการที่ **อาหารของเราถูกดัดแปลงพันธุกรรมและปนเปื้อนด้วยฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม** ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "สูตรทางวิทยาศาสตร์สำหรับการควบคุมจิตใจแบบ MKUltra" เพื่อ "ทำให้สมองอดอยาก" และหยุดความสามารถในการคิดอย่างถูกต้อง [54] ในที่สุด โอไบรอันมองว่าการควบคุมจิตใจเป็น **"สงครามทางจิตวิญญาณ"** (spiritual warfare) ที่พยายามจะทำลายความคิดอิสระ เจตจำนงเสรี และการแสดงออกของจิตวิญญาณ เพื่อทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง [54, 55] ### ผลกระทบต่อสังคมในอนาคต สำหรับอนาคต แคธี่ โอไบรอันเน้นย้ำว่า **การรับรู้ของสาธารณะและการกระทำของแต่ละบุคคลเป็นกุญแจสำคัญ** ในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและทวงคืนอำนาจจากผู้กระทำผิด [32, 55-58] การทำความเข้าใจและ **การเยียวยาจากบาดแผล** ซึ่งเป็นพื้นฐานของการควบคุมจิตใจ จะช่วยให้บุคคลสามารถเอาชนะผลกระทบและหลีกเลี่ยงการถูกกระตุ้นได้ [34, 59-64] มรดกของโครงการ MKUltra และ Paperclip จะยังคงเป็นประเด็นถกเถียงและวิเคราะห์ต่อไป ซึ่งเน้นย้ำถึง **ความตึงเครียดที่ยั่งยืนระหว่างความจำเป็นทางยุทธศาสตร์กับความรับผิดชอบทางจริยธรรม** [6, 65] โอไบรอันมองว่า หากผู้คนตระหนักถึงการควบคุมจิตใจอย่างกว้างขวางและทวงคืน "ความเข้มแข็งของจิตวิญญาณมนุษย์" นั่นหมายถึง **"เกมจบ" สำหรับผู้กระทำผิด** [55] อนาคตขึ้นอยู่กับว่าผู้คนจะตื่นตัว เปิดใจ และเริ่มรับผิดชอบชีวิตของตนเอง ไม่ให้อำนาจแก่รัฐบาล บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือศาสนาที่คลั่งไคล้ [56, 58, 66] https://youtu.be/YGL02pGoknU

หมออรรถพล
หมออรรถพล 23d

## โครงการ MKUltra, ทฤษฎีสมคบคิด และผลกระทบต่อสังคมในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โครงการ MKUltra ของหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ถือเป็นบทมืดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการทดลองมนุษย์อย่างผิดกฎหมายและการแสวงหาเทคนิคการควบคุมจิตใจ ซึ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด และมีผลกระทบต่อสังคมอย่างลึกซึ้งในหลายมิติ [1, 2] ### โครงการ MKUltra: ต้นกำเนิด วิธีการ และการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆ โครงการ MKUltra ดำเนินการโดย CIA ตั้งแต่ปี 1953 ถึง 1973 โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการพัฒนากลวิธีและระบุยาสำหรับการควบคุมจิตใจ การรวบรวมข้อมูล และการทรมานทางจิตวิทยา [1, 2] โครงการนี้เกิดขึ้นจากความกังวลในช่วงสงครามเย็นว่าโซเวียต จีน และเกาหลีเหนือ อาจใช้เทคนิคการควบคุมจิตใจกับเชลยศึกชาวอเมริกัน [2] เป้าหมายคือการหา "เซรุ่มแห่งความจริง" และสร้างบุคคลแบบ "แมนจูเรียน แคนดิเดต" ที่สามารถถูกควบคุมให้กระทำการโดยไม่สมัครใจ [2] วิธีการที่ใช้มีความหลากหลายและมักจะรุนแรง โดยรวมถึง: * การให้ยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในปริมาณสูงโดยไม่ได้รับความยินยอม เช่น **LSD, MDMA, เมสคาลีน, เฮโรอีน, บาร์บิทูเรต, เมทแอมเฟตามีน, ไซโลไซบิน, มอร์ฟีน และคูเรเร** [2-4] * การใช้ไฟฟ้าช็อต, การสะกดจิต, การจำกัดการรับรู้, การแยกตัว และการล่วงละเมิดทางวาจาและทางเพศ [2] การดำเนินงานของ MKUltra มีการละเมิดจริยธรรมและกฎหมายอย่างร้ายแรง รวมถึงการใช้พลเมืองสหรัฐฯ และแคนาดาเป็นเหยื่อโดยไม่ได้รับความยินยอม ซึ่งเป็นการละเมิดหลักจริยธรรมสากล **ประมวลกฎหมายนูเรมเบิร์ก** [2, 5, 6] ความลับสุดยอดของโครงการนี้ถูกปกปิดโดยผู้อำนวยการ CIA ริชาร์ด เฮล์มส์ ซึ่งสั่งทำลายบันทึกส่วนใหญ่ในปี 1973 ทำให้การสอบสวนของรัฐสภาในภายหลังเป็นไปอย่างยากลำบาก [5-8] **สถาบันที่เกี่ยวข้อง**มีอย่างกว้างขวางถึงกว่า 80 แห่ง นอกเหนือจากหน่วยงานทางทหาร ได้แก่: * **บริษัทยา:** **Eli Lilly & Company** ถูกระบุว่าเป็นผู้จัดหายา LSD หลักให้แก่ CIA [9] นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาอื่นๆ อีกหลากหลาย แต่ชื่อบริษัทอื่นๆ ไม่ได้ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน เนื่องจากการทำลายบันทึกและความลับของโครงการ [10, 11] * **สถาบันการศึกษา:** มหาวิทยาลัยหลายแห่งถูกใช้เป็นฉากบังหน้าสำหรับการทดลอง รวมถึง **McGill University (Allan Memorial Institute)** ที่ ดร. โดนัลด์ อีเวน คาเมรอน ดำเนินการทดลอง "psychic driving" และ "depatterning" ที่ทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง [12, 13] **Stanford University** และ **Columbia University** ก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก CIA เพื่อศึกษาผลกระทบของ LSD [14, 15] **มหาวิทยาลัยแมริแลนด์** ได้ทำการทดลองฝังขั้วไฟฟ้าในสมองสุนัข โดยมีเป้าหมายจะขยายผลไปสู่มนุษย์ [15] * **สถานพยาบาล:** โรงพยาบาลและ "เซฟเฮาส์" ลับถูกใช้เป็นสถานที่ทดลอง [16] **Georgetown University Hospital** ถูกใช้เป็น "cut-out" เพื่อปกปิดการมีส่วนร่วมโดยตรงของ CIA [17] **"เซฟเฮาส์" ของ CIA ในปฏิบัติการ Midnight Climax** ในซานฟรานซิสโกและนิวยอร์กซิตี้ ใช้โสเภณีล่อลวงลูกค้ามาให้ยา LSD และสารอื่นๆ โดยไม่ได้รับความยินยอม และเฝ้าติดตามพฤติกรรม [18] นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลอื่นๆ อีกกว่า 130 แห่งทั่วสหรัฐฯ ที่มีส่วนร่วม โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มประชากรที่เปราะบาง เช่น เด็กชายที่มีความบกพร่องทางจิต และผู้ป่วยจิตเวช [19] * **เรือนจำ:** เรือนจำถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองอย่างเป็นระบบ โดยใช้ผู้ต้องขังที่เปราะบาง เช่น **Atlanta Penitentiary** ซึ่งนักโทษได้รับยา LSD-25 ในปริมาณมาก [20, 21] การใช้ผู้ต้องขังในการวิจัยคล้ายคลึงกับการทดลองของนาซีในค่ายกักกัน และหน่วย 731 ของญี่ปุ่น [22] * **หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ:** โครงการนี้เกี่ยวข้องกับ **U.S. Army Chemical Corps, U.S. Army Biological Warfare Laboratories** และ **Federal Bureau of Narcotics** [23-25] MKUltra ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรุ่นก่อนหน้า เช่น **Project CHATTER, Project Bluebird และ Project Artichoke** ซึ่งมุ่งเน้นเทคนิคการซักถามและการควบคุมจิตใจ [25] ### "ทฤษฎีสมคบคิด" และผลกระทบต่อสังคมในอดีต คำว่า **"ทฤษฎีสมคบคิด" (Conspiracy Theory)** ถูกสร้างขึ้นโดย CIA เพื่อ **ปิดกั้นขบวนการแสวงหาความจริง** (Truth Movement) และ **ปิดปากการถกเถียงสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา** [26, 27] การประทับตรานี้ถูกใช้มานานหลายทศวรรษเพื่อขัดขวางผู้แสวงหาความจริง และทำให้ความคิดเชิงวิพากษ์ถูกมองข้ามและเย้ยหยัน [27] ในอดีต การที่สื่อกระแสหลัก (MSM) เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดปลอมจำนวนมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้นำชาวอเมริกันให้เข้าใจผิด [28] เช่น รายงานทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 และการลอบสังหาร JFK ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมา [28, 29] ตัวอย่างการลอบสังหาร JFK ซึ่งหน่วยงานต่างๆ เช่น CIA, FBI, Secret Service, ตำรวจ และสำนักงานชันสูตรศพ อาจเกี่ยวข้องกับการปกปิดความไร้ประสิทธิภาพหรือการสมรู้ร่วมคิดขนาดใหญ่ [30] แคธี่ โอไบรอัน ผู้เปิดโปงโครงการ MKUltra กล่าวว่าเธอถูกทรมานและควบคุมจิตใจตั้งแต่เด็กภายใต้โครงการนี้ [31] การเป็นพยานของเธอในปี 1995 ถูก **เซ็นเซอร์ภายใต้ "ความมั่นคงของชาติ"** (National Security) เนื่องจากข้อมูลของเธอถูกตรวจสอบและยืนยันแล้ว [32] เธอเน้นย้ำว่า **ความรู้คือการป้องกันการควบคุมจิตใจ** และเหตุผลที่พวกเขาเรียกใช้ความมั่นคงของชาติก็คือไม่ต้องการให้ประชาชนมีข้อมูล [33] เธอเชื่อมโยงสูตรการควบคุมจิตใจที่เข้ามาในสหรัฐฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่าน **"โครงการ Paperclip"** ซึ่งนำนักวิทยาศาสตร์นาซีมาพร้อมกับงานวิจัยของฮิตเลอร์-ฮิมม์เลอร์เกี่ยวกับการควบคุมจิตใจโดยอาศัยบาดแผล (trauma-based mind control) [34, 35] ผลกระทบในอดีตคือ **การกัดกร่อนความไว้วางใจของสาธารณะ** ในสถาบันภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานข่าวกรอง และสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ [6, 15] การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงใน MKUltra และการปกปิดข้อมูลในโครงการ Paperclip (ซึ่งมีการ "ล้างประวัติ" นักวิทยาศาสตร์นาซี) ได้สร้าง **รากฐานทางจริยธรรมที่เป็นปัญหา** สำหรับการปฏิบัติการข่าวกรองในอนาคต [36-38] โอไบรอันยังได้เปิดเผยว่านักการเมืองที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น **เจอรัลด์ ฟอร์ด, ปิแอร์ ทรูโด, โรเบิร์ต ซี. เบิร์ด, ดิ๊ก เชนีย์, โรนัลด์ เรแกน และมาเดลีน อัลไบรท์** มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เธอในเรื่องเพศ และกิจกรรมการค้ามนุษย์ เพื่อควบคุมและปั่นป่วนระบบการเมือง [39-47] เธอยังกล่าวถึงความพยายามของบุคคลอย่าง **บิล เบนเน็ตต์** เลขาธิการการศึกษาของเรแกน ในการนำเสนอ **"โครงการการศึกษาระดับโลก" (global education program)** ที่อิงจากแนวคิดการปลูกฝังอุดมการณ์เยาวชนของฮิตเลอร์ โดยถอดการเขียนด้วยมือออกจากการเรียนการสอน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการปิดกั้นการคิดเชิงวิพากษ์ [48, 49] ### ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน ในยุคปัจจุบัน ความสงสัยในข้อมูลอย่างเป็นทางการยังคงมีอยู่ [6, 15] อย่างไรก็ตาม **การแพร่หลายของอินเทอร์เน็ต** ทำให้ผู้ที่ถูกเรียกว่า "นักทฤษฎีสมคบคิด" หรือ "ผู้ยึดมั่นในความเป็นจริงของการสมคบคิด" (conspiracy realists) สามารถทำงานร่วมกันและแบ่งปันข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การท้าทายเรื่องเล่าอย่างเป็นทางการ [29] แคธี่ โอไบรอัน เชื่อว่า **การควบคุมจิตใจยังคงถูกใช้เพื่อนำไปสู่วาระ "สังคมทาสนิยมโลกาภิวัตน์" (globalist slave society agenda)** ที่เรากำลังประสบอยู่ทุกวันนี้ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากการค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ [33, 34] เธอเห็นว่าเหตุการณ์ต่างๆ เช่น **การระบาดของ COVID-19 เป็น "การควบคุมจิตใจที่ถูกอำพรางเป็นไวรัส"** ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมประชากรโลก และเชื่อมโยงกับการลดจำนวนประชากรและการเคลื่อนไหวของกลุ่มข้ามเพศเพื่อหยุดการสืบพันธุ์ของมนุษย์ [50-52] การควบคุมโดยการแบล็กเมล์ยังคงเป็นกลไกสำคัญ ดังที่เห็นได้จากกรณีของ **เจฟฟรีย์ เอปสไตน์** ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลนี้อาจทำให้การควบคุมของรัฐบาลพังทลาย [40, 53] นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงการที่ **อาหารของเราถูกดัดแปลงพันธุกรรมและปนเปื้อนด้วยฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม** ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "สูตรทางวิทยาศาสตร์สำหรับการควบคุมจิตใจแบบ MKUltra" เพื่อ "ทำให้สมองอดอยาก" และหยุดความสามารถในการคิดอย่างถูกต้อง [54] ในที่สุด โอไบรอันมองว่าการควบคุมจิตใจเป็น **"สงครามทางจิตวิญญาณ"** (spiritual warfare) ที่พยายามจะทำลายความคิดอิสระ เจตจำนงเสรี และการแสดงออกของจิตวิญญาณ เพื่อทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง [54, 55] ### ผลกระทบต่อสังคมในอนาคต สำหรับอนาคต แคธี่ โอไบรอันเน้นย้ำว่า **การรับรู้ของสาธารณะและการกระทำของแต่ละบุคคลเป็นกุญแจสำคัญ** ในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและทวงคืนอำนาจจากผู้กระทำผิด [32, 55-58] การทำความเข้าใจและ **การเยียวยาจากบาดแผล** ซึ่งเป็นพื้นฐานของการควบคุมจิตใจ จะช่วยให้บุคคลสามารถเอาชนะผลกระทบและหลีกเลี่ยงการถูกกระตุ้นได้ [34, 59-64] มรดกของโครงการ MKUltra และ Paperclip จะยังคงเป็นประเด็นถกเถียงและวิเคราะห์ต่อไป ซึ่งเน้นย้ำถึง **ความตึงเครียดที่ยั่งยืนระหว่างความจำเป็นทางยุทธศาสตร์กับความรับผิดชอบทางจริยธรรม** [6, 65] โอไบรอันมองว่า หากผู้คนตระหนักถึงการควบคุมจิตใจอย่างกว้างขวางและทวงคืน "ความเข้มแข็งของจิตวิญญาณมนุษย์" นั่นหมายถึง **"เกมจบ" สำหรับผู้กระทำผิด** [55] อนาคตขึ้นอยู่กับว่าผู้คนจะตื่นตัว เปิดใจ และเริ่มรับผิดชอบชีวิตของตนเอง ไม่ให้อำนาจแก่รัฐบาล บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือศาสนาที่คลั่งไคล้ [56, 58, 66] https://youtu.be/YGL02pGoknU

หมออรรถพล
หมออรรถพล 23d

💥มนุษย์พันธุกรรมดัดแปลงจากการฉีด mRNA‼️ มันเกิดขึ้นแล้วมีหลักฐานยืนยันแล้ว นี่ในผู้ใหญ่นะ ลองนึกสภาพว่า เป็นทารกในครรภ์ที่ แพทย์บอกให้แม่ฉีด mRNA ขณะที่ตั้งครรภ์จะเป็นอย่างไร เคยเตือนราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ แต่ แพทย์เหล่านั้น "ไม่สนใจ"!! การสอดแทรกผิดปกติในจีโนม ความผันผวนในระดับโมเลกุลและโปรตีนในผู้ป่วยอายุน้อยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหลังฉีดวัคซีน สรุปสาระ: กรณีศึกษาหญิงอายุ 31 ปี (มะเร็งกระเพาะปัสสาวะหลังฉีดวัคซีน mRNA พื้นหลัง •ผู้ป่วยหญิงสุขภาพดีมาก่อน อายุ 31 ปี • พัฒนาเป็น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะ 4 ภายใน 12 เดือน หลังฉีดวัคซีน Moderna mRNA ครบ 3 เข็ม • มะเร็งชนิดนี้พบได้น้อยมากในผู้หญิงอายุน้อย และกรณีดำเนินโรครุนแรงเร็วเช่นนี้แทบไม่เคยพบมาก่อน • การตรวจวิเคราะห์ (Multi-omics) • ตรวจ DNA ที่หมุนเวียนในเลือด (ctDNA) • ตรวจ RNA จากเลือด • ตรวจโปรตีนจาก exosome ในปัสสาวะ สิ่งที่พบสำคัญ •พบ การแทรกตัวของลำดับพันธุกรรมวัคซีน (Spike gene) ลงในจีโนมมนุษย์ (โครโมโซม 19) • บริเวณนี้ไม่ใช่ “safe harbor” แต่เป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของยีนสูง และมีความเสี่ยงรบกวนการทำงานของยีน • พบการทำงานผิดปกติของยีนมะเร็งหลายตัว (KRAS, NRAS, MAPK1, PIK3CA ฯลฯ) นำไปสู่กระตุ้นการเจริญเติบโตแบบไม่ควบคุม •พบความเสียหายของระบบซ่อมแซม DNA (ATM, MSH2) → ทำให้จีโนมไม่เสถียร • สัญญาณผิดปกติทั้งในระดับ DNA, RNA และโปรตีน → แสดงถึงความล่มสลายของระบบโมเลกุล • ความน่าจะเป็นทางสถิติ • โอกาสที่ลำดับนิวคลีโอไทด์ 20 ตัวจะตรงกันโดยบังเอิญกับวัคซีน = ประมาณ 1 ในล้านล้าน → บ่งชี้ว่าไม่ใช่ “artifact” • กลไกที่เป็นไปได้ของการแทรกตัว (Integration) • การซ่อม DNA แบบผิดพลาด (NHEJ, MMEJ, HR) • กิจกรรมของ retrotransposon/LINE-1 → สร้าง DNA จาก RNA แล้วแทรกเข้าไป • ความผิดพลาดจากเอนไซม์ DNA topoisomerase • ความบกพร่องของยีนซ่อม DNA (ATM, MSH2) เพิ่มความเสี่ยงต่อการแทรกตัว • ข้อสรุป • พบเส้นทางที่ “มีความเป็นไปได้ทางชีววิทยา” ว่าวัคซีน mRNA อาจเกี่ยวข้องกับการพัฒนามะเร็งในกรณีนี้ • ต้องการการศึกษายืนยันเพิ่มเติม เพราะเป็น รายงานกรณี (case report) แต่ผลลัพธ์เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ควรถูกตรวจสอบอย่างจริงจัง * ราบละเอียด รายงานกรณีหญิงอายุ 31 ปี สุขภาพแข็งแรงดีมาก่อน ซึ่งพัฒนาเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะที่ 4 (stage IV bladder cancer) ที่มีการดำเนินโรคอย่างรวดเร็ว ภายใน 12 เดือนหลังจากได้รับวัคซีน mRNA Moderna ครบ 3 เข็ม มะเร็งกระเพาะปัสสาวะพบได้น้อยมากในผู้หญิงอายุน้อย และการดำเนินโรคที่รุนแรงเช่นนี้แทบไม่เคยพบมาก่อน เพื่อสืบค้น เราได้ทำการตรวจวิเคราะห์เชิงลึกแบบ multi-omic profiling รวมถึง • การตรวจ circulating tumor DNA (ctDNA) จากพลาสมา • การตรวจ RNA จากเลือดทั้งตัวอย่าง • และ proteomics จาก exosome ในปัสสาวะ สิ่งที่ค้นพบโดดเด่นอย่างมาก: • เหตุการณ์การแทรกตัวของจีโนมโดยตรง (Direct genomic integration event): ใน ctDNA พบการอ่านข้อมูลแบบ host–vector chimeric ที่จับคู่กับตำแหน่ง chr19:55,482,637–55,482,674 (GRCh38) บริเวณ cytoband 19q13.42 อยู่ห่าง ~367 kb ด้านล่างของตำแหน่ง AAVS1 “safe harbor” และ ~158 kb เหนือยีน ZNF580 ใกล้ขอบคลัสเตอร์ยีน zinc-finger (ZNF) ลำดับนี้ตรงกับรหัสพันธุกรรม 20/20 bp กับส่วนของ Spike ORF (bases 5905–5924) ภายในพลาสมิดอ้างอิงของวัคซีน Pfizer BNT162b2 (GenBank OR134577.1) • การกระตุ้น oncogenic driver อย่างรุนแรง (KRAS, NRAS, MAPK1, ATM, PIK3CA, SF3B1, CHD4) → ทำให้เกิดการส่งสัญญาณการเจริญเติบโตและมะเร็งแบบไม่สามารถควบคุมได้ • การล้มเหลวของระบบซ่อมแซม DNA ที่สำคัญ (ATM, MSH2) → ทำให้จีโนมเสี่ยงต่อความไม่เสถียร การแตกสายคู่ (double-strand breaks) และการกลายพันธุ์ร้ายแรง • ความผิดปกติอย่างรุนแรงของ transcriptome และ proteome ในพลาสมา เลือด และปัสสาวะ → สอดคล้องกับการล่มสลายเชิงโมเลกุลทั้งระบบ แม้ว่าผู้ป่วยได้รับวัคซีน Moderna เท่านั้น แต่การจัดเรียงลำดับที่พบตรงกับ reference plasmid ของ Pfizer เพราะ Moderna ไม่เคยเผยแพร่พลาสมิดของตนในฐานข้อมูล NCBI และทั้ง Pfizer และ Moderna ต่างก็เข้ารหัสโปรตีน SARS-CoV-2 Spike ชนิด prefusion-stabilized ที่เหมือนกัน ทำให้มีลำดับนิวคลีโอไทด์ที่เหมือนกันบางส่วน การรวมตัวที่พบอยู่ในบริเวณที่อนุรักษ์นี้ จึงทำให้ได้การจับคู่แบบ 20/20 bp ที่ตรงกันพอดีกับข้อมูลอ้างอิงของ Pfizer ตำแหน่งที่รวมตัวนี้อยู่นอกเหนือ AAVS1 “safe harbor” ( ~55.09–55.12 Mb, 19q13.42) โดยไปอยู่ที่ chr19:55,482,637–55,482,674 (GRCh38) เช่นกันในบริเวณ cytoband 19q13.42 ห่าง ~367 kb จาก AAVS1 และ ~158 kb เหนือ ZNF580 ที่ขอบคลัสเตอร์ยีน ZNF พื้นที่นี้มีความหนาแน่นของยีนสูง มีกิจกรรมการถอดรหัสมาก และมีแนวโน้มเกิดการรวมตัวผิดปกติ (recombination-prone) ยีนควบคุมใกล้เคียง ได้แก่ ZNF580 และ ZNF582 การรวมตัวในบริเวณจีโนมที่ไม่เสถียรนี้ทำให้กังวลถึงการถูกรบกวนการถอดรหัส การเกิด fusion transcript และความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ความน่าจะเป็นของการที่ลำดับนิวคลีโอไทด์ 20 ตัวตรงกันพอดีกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าคือ ~1 ในล้านล้าน ซึ่งทำให้โอกาสเกิดโดยบังเอิญแทบเป็นไปไม่ได้ เมื่อรวมกับ ระยะเวลาใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีน, หลักฐาน multi-omic ของสัญญาณก่อมะเร็ง, และการแทรกตัวของจีโนมโดยตรง → กรณีนี้แสดงให้เห็นเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ทางชีววิทยาว่า วัคซีน mRNA สังเคราะห์อาจมีส่วนในการพัฒนามะเร็ง กลไกที่เป็นไปได้ในการเกิด Integration การแทรกตัวของ DNA จากวัคซีนหรือ RNA ที่ถูก reverse-transcribed ลงในจีโนมเจ้าบ้าน อาจเกิดได้จากหลายเส้นทางที่ทราบแล้ว: • Non-Homologous End Joining (NHEJ): การเชื่อมต่อ DNA ต่างชาติในตำแหน่ง double-strand break โดยตรง • Microhomology-Mediated End Joining (MMEJ): การจัดเรียงโดยใช้ลำดับที่มีความเหมือนสั้น ๆ ที่จุดแตกหัก • Homologous Recombination (HR): การแทรกตัวเมื่อมีความคล้ายกันของลำดับ DNA ยาว • Retrotransposon/LINE-1 Activity: การถอด RNA ย้อนกลับเป็น cDNA แล้วแทรกเข้าไป • Topoisomerase-Mediated Integration: การซ่อมผิดพลาดขณะเอนไซม์คลายเกลียวและเชื่อมต่อ DNA ทั้งหมดเป็นไปได้ในทางชีววิทยา และสอดคล้องกับความบกพร่องของการซ่อม DNA ที่ตรวจพบในผู้ป่วย (ATM, MSH2) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด insertional mutagenesis นอกจากนี้ Speicher และคณะยังรายงานว่ามีเศษพลาสมิด DNA เหลืออยู่ในวัคซีน mRNA นับพันล้านชิ้นต่อโดส ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานความปลอดภัย 36–627 เท่า ทำให้เป็นไปได้ว่าเศษ DNA เหล่านี้อาจเป็นแหล่งต้นแบบสำหรับการแทรกตัวลงในจีโนม Genomic Integration and Molecular Dysregulation in Aggressive Stage IV Bladder Cancer Following COVID-19 mRNA Vaccination. รายงานในคลังข้อมูล zenodo 15/9/2025 การสอดแทรกผิดปกติในจีโนม ความผันผวนในระดับโมเลกุลและโปรตีนในผู้ป่วยอายุน้อยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหลังฉีดวัคซีน รวบรวม (ถอดความภาษาไทยโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์) ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/share/p/1AQpnaVkkC/

หมออรรถพล
หมออรรถพล 23d

คนมากมาย บอกว่า โดน "บังคับฉีดวัคซีน💉☠️" จำกันได้ไหมว่า เขาบอกว่า ฉีดเพื่ออะไร? กันติดเชื้อ? กันแพร่เชื้อ? เขา "โกหก" บริษัทยา โกหก สธ โกหก รัฐบาล โกหก ผู้เชี่ยวชาญ โกหก ถ้าพวกคุณรู้ ว่า พวกเขา โกหก จะยอมให้เขา "บังคับ" ไหม? และ ถ้า ตอนนี้ คุณ ป่วย ญาติ คุณ เสียชีวิต เพราะคำโกหก เหล่านั้น คุณจะโทษ ว่า เพราะคุณโง่เองถึงโดนเขาหลอก หรือ คุณจะเรียกร้องความเป็นธรรม ให้ตัวคุณเอง เอาคนโกหกมารับโทษ!! https://www.facebook.com/share/p/1C7dEVoWab/

หมออรรถพล
หมออรรถพล 24d

## โครงการ MKUltra, ทฤษฎีสมคบคิด และผลกระทบต่อสังคมในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โครงการ MKUltra ของหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ถือเป็นบทมืดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการทดลองมนุษย์อย่างผิดกฎหมายและการแสวงหาเทคนิคการควบคุมจิตใจ ซึ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด และมีผลกระทบต่อสังคมอย่างลึกซึ้งในหลายมิติ [1, 2] ### โครงการ MKUltra: ต้นกำเนิด วิธีการ และการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆ โครงการ MKUltra ดำเนินการโดย CIA ตั้งแต่ปี 1953 ถึง 1973 โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการพัฒนากลวิธีและระบุยาสำหรับการควบคุมจิตใจ การรวบรวมข้อมูล และการทรมานทางจิตวิทยา [1, 2] โครงการนี้เกิดขึ้นจากความกังวลในช่วงสงครามเย็นว่าโซเวียต จีน และเกาหลีเหนือ อาจใช้เทคนิคการควบคุมจิตใจกับเชลยศึกชาวอเมริกัน [2] เป้าหมายคือการหา "เซรุ่มแห่งความจริง" และสร้างบุคคลแบบ "แมนจูเรียน แคนดิเดต" ที่สามารถถูกควบคุมให้กระทำการโดยไม่สมัครใจ [2] วิธีการที่ใช้มีความหลากหลายและมักจะรุนแรง โดยรวมถึง: * การให้ยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในปริมาณสูงโดยไม่ได้รับความยินยอม เช่น **LSD, MDMA, เมสคาลีน, เฮโรอีน, บาร์บิทูเรต, เมทแอมเฟตามีน, ไซโลไซบิน, มอร์ฟีน และคูเรเร** [2-4] * การใช้ไฟฟ้าช็อต, การสะกดจิต, การจำกัดการรับรู้, การแยกตัว และการล่วงละเมิดทางวาจาและทางเพศ [2] การดำเนินงานของ MKUltra มีการละเมิดจริยธรรมและกฎหมายอย่างร้ายแรง รวมถึงการใช้พลเมืองสหรัฐฯ และแคนาดาเป็นเหยื่อโดยไม่ได้รับความยินยอม ซึ่งเป็นการละเมิดหลักจริยธรรมสากล **ประมวลกฎหมายนูเรมเบิร์ก** [2, 5, 6] ความลับสุดยอดของโครงการนี้ถูกปกปิดโดยผู้อำนวยการ CIA ริชาร์ด เฮล์มส์ ซึ่งสั่งทำลายบันทึกส่วนใหญ่ในปี 1973 ทำให้การสอบสวนของรัฐสภาในภายหลังเป็นไปอย่างยากลำบาก [5-8] **สถาบันที่เกี่ยวข้อง**มีอย่างกว้างขวางถึงกว่า 80 แห่ง นอกเหนือจากหน่วยงานทางทหาร ได้แก่: * **บริษัทยา:** **Eli Lilly & Company** ถูกระบุว่าเป็นผู้จัดหายา LSD หลักให้แก่ CIA [9] นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาอื่นๆ อีกหลากหลาย แต่ชื่อบริษัทอื่นๆ ไม่ได้ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน เนื่องจากการทำลายบันทึกและความลับของโครงการ [10, 11] * **สถาบันการศึกษา:** มหาวิทยาลัยหลายแห่งถูกใช้เป็นฉากบังหน้าสำหรับการทดลอง รวมถึง **McGill University (Allan Memorial Institute)** ที่ ดร. โดนัลด์ อีเวน คาเมรอน ดำเนินการทดลอง "psychic driving" และ "depatterning" ที่ทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง [12, 13] **Stanford University** และ **Columbia University** ก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก CIA เพื่อศึกษาผลกระทบของ LSD [14, 15] **มหาวิทยาลัยแมริแลนด์** ได้ทำการทดลองฝังขั้วไฟฟ้าในสมองสุนัข โดยมีเป้าหมายจะขยายผลไปสู่มนุษย์ [15] * **สถานพยาบาล:** โรงพยาบาลและ "เซฟเฮาส์" ลับถูกใช้เป็นสถานที่ทดลอง [16] **Georgetown University Hospital** ถูกใช้เป็น "cut-out" เพื่อปกปิดการมีส่วนร่วมโดยตรงของ CIA [17] **"เซฟเฮาส์" ของ CIA ในปฏิบัติการ Midnight Climax** ในซานฟรานซิสโกและนิวยอร์กซิตี้ ใช้โสเภณีล่อลวงลูกค้ามาให้ยา LSD และสารอื่นๆ โดยไม่ได้รับความยินยอม และเฝ้าติดตามพฤติกรรม [18] นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลอื่นๆ อีกกว่า 130 แห่งทั่วสหรัฐฯ ที่มีส่วนร่วม โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มประชากรที่เปราะบาง เช่น เด็กชายที่มีความบกพร่องทางจิต และผู้ป่วยจิตเวช [19] * **เรือนจำ:** เรือนจำถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองอย่างเป็นระบบ โดยใช้ผู้ต้องขังที่เปราะบาง เช่น **Atlanta Penitentiary** ซึ่งนักโทษได้รับยา LSD-25 ในปริมาณมาก [20, 21] การใช้ผู้ต้องขังในการวิจัยคล้ายคลึงกับการทดลองของนาซีในค่ายกักกัน และหน่วย 731 ของญี่ปุ่น [22] * **หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ:** โครงการนี้เกี่ยวข้องกับ **U.S. Army Chemical Corps, U.S. Army Biological Warfare Laboratories** และ **Federal Bureau of Narcotics** [23-25] MKUltra ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรุ่นก่อนหน้า เช่น **Project CHATTER, Project Bluebird และ Project Artichoke** ซึ่งมุ่งเน้นเทคนิคการซักถามและการควบคุมจิตใจ [25] ### "ทฤษฎีสมคบคิด" และผลกระทบต่อสังคมในอดีต คำว่า **"ทฤษฎีสมคบคิด" (Conspiracy Theory)** ถูกสร้างขึ้นโดย CIA เพื่อ **ปิดกั้นขบวนการแสวงหาความจริง** (Truth Movement) และ **ปิดปากการถกเถียงสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา** [26, 27] การประทับตรานี้ถูกใช้มานานหลายทศวรรษเพื่อขัดขวางผู้แสวงหาความจริง และทำให้ความคิดเชิงวิพากษ์ถูกมองข้ามและเย้ยหยัน [27] ในอดีต การที่สื่อกระแสหลัก (MSM) เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดปลอมจำนวนมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้นำชาวอเมริกันให้เข้าใจผิด [28] เช่น รายงานทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 และการลอบสังหาร JFK ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมา [28, 29] ตัวอย่างการลอบสังหาร JFK ซึ่งหน่วยงานต่างๆ เช่น CIA, FBI, Secret Service, ตำรวจ และสำนักงานชันสูตรศพ อาจเกี่ยวข้องกับการปกปิดความไร้ประสิทธิภาพหรือการสมรู้ร่วมคิดขนาดใหญ่ [30] แคธี่ โอไบรอัน ผู้เปิดโปงโครงการ MKUltra กล่าวว่าเธอถูกทรมานและควบคุมจิตใจตั้งแต่เด็กภายใต้โครงการนี้ [31] การเป็นพยานของเธอในปี 1995 ถูก **เซ็นเซอร์ภายใต้ "ความมั่นคงของชาติ"** (National Security) เนื่องจากข้อมูลของเธอถูกตรวจสอบและยืนยันแล้ว [32] เธอเน้นย้ำว่า **ความรู้คือการป้องกันการควบคุมจิตใจ** และเหตุผลที่พวกเขาเรียกใช้ความมั่นคงของชาติก็คือไม่ต้องการให้ประชาชนมีข้อมูล [33] เธอเชื่อมโยงสูตรการควบคุมจิตใจที่เข้ามาในสหรัฐฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่าน **"โครงการ Paperclip"** ซึ่งนำนักวิทยาศาสตร์นาซีมาพร้อมกับงานวิจัยของฮิตเลอร์-ฮิมม์เลอร์เกี่ยวกับการควบคุมจิตใจโดยอาศัยบาดแผล (trauma-based mind control) [34, 35] ผลกระทบในอดีตคือ **การกัดกร่อนความไว้วางใจของสาธารณะ** ในสถาบันภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานข่าวกรอง และสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ [6, 15] การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงใน MKUltra และการปกปิดข้อมูลในโครงการ Paperclip (ซึ่งมีการ "ล้างประวัติ" นักวิทยาศาสตร์นาซี) ได้สร้าง **รากฐานทางจริยธรรมที่เป็นปัญหา** สำหรับการปฏิบัติการข่าวกรองในอนาคต [36-38] โอไบรอันยังได้เปิดเผยว่านักการเมืองที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น **เจอรัลด์ ฟอร์ด, ปิแอร์ ทรูโด, โรเบิร์ต ซี. เบิร์ด, ดิ๊ก เชนีย์, โรนัลด์ เรแกน และมาเดลีน อัลไบรท์** มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เธอในเรื่องเพศ และกิจกรรมการค้ามนุษย์ เพื่อควบคุมและปั่นป่วนระบบการเมือง [39-47] เธอยังกล่าวถึงความพยายามของบุคคลอย่าง **บิล เบนเน็ตต์** เลขาธิการการศึกษาของเรแกน ในการนำเสนอ **"โครงการการศึกษาระดับโลก" (global education program)** ที่อิงจากแนวคิดการปลูกฝังอุดมการณ์เยาวชนของฮิตเลอร์ โดยถอดการเขียนด้วยมือออกจากการเรียนการสอน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการปิดกั้นการคิดเชิงวิพากษ์ [48, 49] ### ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน ในยุคปัจจุบัน ความสงสัยในข้อมูลอย่างเป็นทางการยังคงมีอยู่ [6, 15] อย่างไรก็ตาม **การแพร่หลายของอินเทอร์เน็ต** ทำให้ผู้ที่ถูกเรียกว่า "นักทฤษฎีสมคบคิด" หรือ "ผู้ยึดมั่นในความเป็นจริงของการสมคบคิด" (conspiracy realists) สามารถทำงานร่วมกันและแบ่งปันข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การท้าทายเรื่องเล่าอย่างเป็นทางการ [29] แคธี่ โอไบรอัน เชื่อว่า **การควบคุมจิตใจยังคงถูกใช้เพื่อนำไปสู่วาระ "สังคมทาสนิยมโลกาภิวัตน์" (globalist slave society agenda)** ที่เรากำลังประสบอยู่ทุกวันนี้ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากการค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ [33, 34] เธอเห็นว่าเหตุการณ์ต่างๆ เช่น **การระบาดของ COVID-19 เป็น "การควบคุมจิตใจที่ถูกอำพรางเป็นไวรัส"** ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมประชากรโลก และเชื่อมโยงกับการลดจำนวนประชากรและการเคลื่อนไหวของกลุ่มข้ามเพศเพื่อหยุดการสืบพันธุ์ของมนุษย์ [50-52] การควบคุมโดยการแบล็กเมล์ยังคงเป็นกลไกสำคัญ ดังที่เห็นได้จากกรณีของ **เจฟฟรีย์ เอปสไตน์** ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลนี้อาจทำให้การควบคุมของรัฐบาลพังทลาย [40, 53] นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงการที่ **อาหารของเราถูกดัดแปลงพันธุกรรมและปนเปื้อนด้วยฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม** ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "สูตรทางวิทยาศาสตร์สำหรับการควบคุมจิตใจแบบ MKUltra" เพื่อ "ทำให้สมองอดอยาก" และหยุดความสามารถในการคิดอย่างถูกต้อง [54] ในที่สุด โอไบรอันมองว่าการควบคุมจิตใจเป็น **"สงครามทางจิตวิญญาณ"** (spiritual warfare) ที่พยายามจะทำลายความคิดอิสระ เจตจำนงเสรี และการแสดงออกของจิตวิญญาณ เพื่อทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง [54, 55] ### ผลกระทบต่อสังคมในอนาคต สำหรับอนาคต แคธี่ โอไบรอันเน้นย้ำว่า **การรับรู้ของสาธารณะและการกระทำของแต่ละบุคคลเป็นกุญแจสำคัญ** ในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและทวงคืนอำนาจจากผู้กระทำผิด [32, 55-58] การทำความเข้าใจและ **การเยียวยาจากบาดแผล** ซึ่งเป็นพื้นฐานของการควบคุมจิตใจ จะช่วยให้บุคคลสามารถเอาชนะผลกระทบและหลีกเลี่ยงการถูกกระตุ้นได้ [34, 59-64] มรดกของโครงการ MKUltra และ Paperclip จะยังคงเป็นประเด็นถกเถียงและวิเคราะห์ต่อไป ซึ่งเน้นย้ำถึง **ความตึงเครียดที่ยั่งยืนระหว่างความจำเป็นทางยุทธศาสตร์กับความรับผิดชอบทางจริยธรรม** [6, 65] โอไบรอันมองว่า หากผู้คนตระหนักถึงการควบคุมจิตใจอย่างกว้างขวางและทวงคืน "ความเข้มแข็งของจิตวิญญาณมนุษย์" นั่นหมายถึง **"เกมจบ" สำหรับผู้กระทำผิด** [55] อนาคตขึ้นอยู่กับว่าผู้คนจะตื่นตัว เปิดใจ และเริ่มรับผิดชอบชีวิตของตนเอง ไม่ให้อำนาจแก่รัฐบาล บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือศาสนาที่คลั่งไคล้ [56, 58, 66] https://youtu.be/YGL02pGoknU

หมออรรถพล
หมออรรถพล 26d

👉 เชิญพบกับ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ... หมออรรถพล อาจารย์แพทย์ จุฬาฯ เป็นหมอคนแรกในไทย ที่ออกมาเตือนเรื่องวัคซีนโควิด 🌈 ในรายการ #สีสันชีวิต💜 2-3 ทุ่ม คืนวันเสาร์ที่ 13 ก.ย.68💜 💜 ที่MCOT News FM100.5 อสมท💜 #ลักขณาจำปาพาชม #นายแพทย์_อรรถพล_สุคนธาภิรมย์_ณ_พัทลุง ช่วง #เร้นไม่ลับกับเซเลบฯ รายการ #สีสันชีวิต โดย #ลักขณาจำปา #เสน่ห์ศรีสุวรรณ #FM1005 #MCOTNews #สีสันชีวิต #ไกรกิติทิพกนก https://www.facebook.com/share/p/166ByWxQNb/

#สีสันชีวิต💜 #ลักขณาจำปาพาชม #นายแพทย์_อรรถพล_สุคนธาภิรมย์_ณ_พัทลุง #เร้นไม่ลับกับเซเลบฯ #สีสันชีวิต💜

Welcome to หมออรรถพล spacestr profile!

About Me

Interests

  • No interests listed.

Videos

Music

My store is coming soon!

Friends