พลิกโลก เหนือความคิด (2) หูทิพย์ตาทิพย์ที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นหูตาที่สามารถมองเห็นได้ยินความปรากฏออกของอวิชชา คือ โลภะ-โทสะ -โมหะที่เข้ามาทางอายตนะ ชาวพุทธตริง ต้องปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดาได้จริง จึงจะสมกับคำกล่าวที่ว่า "ยอมเสียสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ ยอมเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาสัจธรรม" คนส่วนมากปฏิบัติตามเพียงสองวรรคแรก คือพอเจ็บป่วยก็ไปหาหมอ เสียเงินให้หมอเพื่อรักษาอวัยวะ ถ้าหมอบอกว่าเป็นมะเร็งต้องตัดอวัยวะทิ้งเราก็ยอมให้ตัดเพื่อรักษาอวัยวะ แต่มีใครในที่นี้บ้างไหมที่จะยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาสัจธรรม กล่าวคือ ยอมตายดีกว่าที่จะทำผิดไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า สำหรับอาตมานั้น อาตมายอมตายขอเพียงให้พระธรรมกลับคืนมาสู่จิตใจของคน ชาวพุทธแท้ต้องเป็นอย่างนี้ นิพพาน แปลว่า ใจที่ปกติ สงบเย็น ไม่ไหลไปตามความพอใจและความไม่พอใจ คนที่มีจิตใจเช่นนี้เรียกว่าคนมีศีลมีธรรม คนมีศีลธรรม-คนบาป ศีล ไม่ได้หมายถึงศีลห้าข้อสิบข้อสองร้อยยี่สิบเจ็บข้อเพราะนั่นเป็นศีลสังคม ศีลในที่นี้มีเพียงข้อเดียว เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องรักษากันจริงๆจังๆ คือให้รักษาใจ เป็น ศีลใจ ใครรักษาได้ก็ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น มีจิตใจปกติ เพราะเมื่อจิตใจปกติดีแล้ว เราก็ไม่ไปฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์อยากได้ของใคร ไม่ผิดลูกเมียใคร เมื่อใจปกติ กายวาจาก็พลอยปกติไปด้วย คนเช่นนี้เรียกว่า คนมีศีลธรรม คนมีบุญ คนมีบุญจะไม่ฆ่า "สัจจ์" ของตัวเอง เพราะสัจจ์นี้เป็นธรรมะที่ทำให้คนเป็นพระ สัจธรรมนี้ มีอยู่ในจิตใจของคนทุกคน ความเป็นพระที่แท้จริงนี้เป็นกันที่จิต มองไม่เห็น แต่กำจัดกิเลสได้จริง ส่วนสมมติสงฆ์ หมายถึง พระตามรูปแบบที่โกนห่มผป้าเหลือง อย่างเช่นวันนี้ยังเป็นผู้ครองเรือนพรุ่งนี้ไปบวช เราเรียกว่าเป็นพระโดยสมมติเพราะยังกำจัดกิเลสไม่ได้ การโกนผมห่มผ้าเหลืองไม่ได้ทำให้คนเป็นพระได้ คนบาป คือคนที่ไม่มีศีลไม่มีความละอาย มีความอิจฉาริษยา ฯลฯ คนพวกนี้พอพูดเรื่องศีลธรรมให้ฟังจะไม่สนใจ เพราะความบาปครอบงำจิตใจ มีโลภะ โทสะโมหะอัดแน่นอยู่ภายในจิตใจ เห็นของใครก็อยากได้ จึงมีการปล้นจี้ มีการผิดลูกเมียคนอื่น มีการเบียดเบียนก่อความเดือดร้อน ต่างๆนาๆ หูทิพย์-ตาทิพย์ ที่อาตมาได้กล่าวในตอนต้นว่า พระพุทธเจ้าสอนให้มีหูทิพย์ตาทิพย์นั้นก็หมายถึง เป็นหูตาที่สามารถมองเห็นได้ยินความปรากฏออกของอวิชชา คือ โลภะ โทสะ โมหะ ที่เข้ามาทางอายตนะ . ไม่ใช่รู้เห็นได้ยินอะไรอย่างอื่น กิเลสทั้งสามนี้ เปรียบเหมือนโจรเหมือนพญามารที่เข้ามาแย่งชิงเอาบัลลังก์หรือที่ตั้งของสติ-สมาธิ-ปัญญาไป ทำให้ผู้นั้นขาดความสะอาด-สว่าง-สงบ หูทิพย์-ตาทิพย์ ชนิดนี้แหละที่พวกเราควรหาเอาไว้, เพราะเป็น หูทิพย์-ตาทิพย์ ที่จะนำเราเข้าสู่พระนิิพาน มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่มีทุกข์ แม้นในขณะที่ฟังอาตมาพูดอยู่นี้ ก็ขอให้มีศีลมีธรรมประจำใจ คิดชอบก็ให้รู้ คิดชังก็ให้รู้ ฟังล้วไม่รู้เรื่องเบื่อรำคาญ จิตใจนึกคิดอย่างไรให้รู้ให้เห็น เราจะมีหูทิพย์ตาทิพย์ประเภทนี้ได้ก็ต้องฝึกสติฝึกสมาธิ ต้องมีสติมีสมาธิอยู่ทุกขณะ นั่นคือ จิตใจนึกคิดอย่างไรให้รู้-ให้เห็น ที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้แก้ปัญหาปัจจุบันนั้นก็คือ ขณะที่ผัสสะลงไปนั่นแหละท่านให้มีสติสมาธิปัญญารู้เห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิตใจ ดังนั้น สติสมาธิปัญญาจะต้องพร้อมอยู่ทุกขณะจึงจะไม่เสียที่แก่พญามาร ผู้ใดมีสติสมาธิปัญญาเอาชนะทุกข์ได้อย่างนี้ แม้เพียงเล็กน้อย ก็จัดว่าเป็นผู้มีตาทิพย์-หูทิพย์ ระดับหนึ่ง เพราะเป็นผู้ที่สามารถมองเห็นสวรรค์ในอกนรกในใจของตัวเองได้บ้างแล้ว #Siamstr #สัจธรรม #buddhism