spacestr

🔔 This profile hasn't been claimed yet. If this is your Nostr profile, you can claim it.

Edit
Ekaphol
Member since: 2024-02-17
Ekaphol
Ekaphol 4d

เมื่อหมอบอกว่าคุณควรหยุดวิ่งตลอดชีวิต! ผมก็แค่เปลี่ยนหมอ...เพราะเราคือหมอที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรา ทำไมถึงว่าอย่างงั้น..? เท้าความก่อนว่าก่อนหน้านี้ผมวิ่งไม่ได้มาเป็นสิบปี ตั้งแต่อายุสามสิบกลางๆ ทุกครั้งที่วิ่งแม้จะแค่1-2โลก็จะเจ็บเอ็นร้อยหวายตลอด และเจ็บแต่ละครั้งก็2-3เดือนขึ้นตลอด จะเตะบอล ตีแบต โดดเชือก หรือกิจกรรมใดก็ตามที่เกิดแรงกระแทกที่ข้อเท้าจะเจ็บตลอด ผมก็ไปหาหมอรพ.เอกชนชื่อดัง รักษาสาระพัดวิธีร่วมๆปี เปลี่ยนรพ.ก็แล้ว หมดเฉียดแสนเมื่อสิบปีก่อน ตั้งแต่สแกนตรวจ ฉีดยา กินยา กายภาพ ประคบร้อนเย็น ทำหมดแล้วจนหมอเฉพาะทางด้านกระดูกและข้อสรุปว่า เหลือทางเดียวคือผ่าตัดซ่อมเอ็นร้อยหวายที่อักเสบเรื้อรัง ซึ่งหมอบอกว่าถ้าเป็นหมอหมอจะไม่ทำ เพราะมันเรื่องใหญ่ต้องใช้เครื่องช่วยผยุงหลังผ่าตัดและต้องพักกิจกรรมเกี่ยวกับเท้าประมาณครึ่งปี เหมือนขี่ช้างเพื่อจับตักกะแตนหมอบอกอย่าผ่าเลย มันไม่คุ้ม หมอเลยสรุปว่า "คุณก็แค่เลิกวิ่งตลอดไป" อยากออกกำลังกายก็ทำอะไรก็ได้ที่ไม่กระแทกข้อเท้า ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ อะไรพวกนั้น มันคือคำพิพากษาของผู้เชียวชาญเฉพาะทางที่เราไม่ควรตั้งข้อสงสัย? เสียใจมั๊ยก็ไม่เท่าไหร่นะ เราก็ใช้ชีวิตปกติแค่เลี่ยงการวิ่ง แต่มันก็คาใจมาตลอด จนมีคนชวนไปรักษาแบบแผนจีน ฝั่งเข็มแล้วช็อตไฟฟ้า ผมก็ไปลองเผื่อฟลุ๊ค สรุปจบครอสก็ไม่หาย วิ่งแล้วเจ็บเหมือนเดิม ผมก็เลิกวิ่งมาหลายปีมาก รู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ ใช้ฟังชั่นได้ไม่ครบ แต่ก็บอกตัวเองว่าชั่งมัน จากนั้นก็หันมาเล่นเวทจริงจัง ปั่นจักรยานสปิ้นไบค์แทนเพื่อการคาดิโอบริหารปอดและหัวใจเรื่อยมาหลายปี จนมาเมื่อสองเดือนก่อนลูกปิดเทอมแล้วมีคนนึงน้ำหนักตัวเยอะ ก็เลยปิ้งไอเดียชวนลูกลดน้ำหนัก ซึ่งปกติก็เวทกันประจำอยู่แล้วแต่อยากเพิ่มคาดิโอหนักๆหน่อยเพื่อช่วยเบิร์นแฟต แต่ถ้าเราบังคับให้ลูกวิ่ง โดยที่เราไม่วิ่งเชื่อว่ามันจะทำแบบไม่เต็มที่แน่ เหนื่อยก็หยุดอะไรทำนองนั้น สรุปคือจะให้เค้าเหนื่อยเราต้องเหนื่อยไปด้วยเป็นตัวอย่าง ทีนี้เลยรีบไปหาข้อมูลเพราะอยากรั่นหมออยากวิ่งอีกสักครั้ง มันคาใจว่าทำไมเราถึงทำไม่ได้ จนไปเจอข้อมูลชุดนึงว่าการเจ็บเอ็นร้อยหวายซ้ำซากอาจเพราะกล้ามเนื้อขาไม่แข็งแรงพอโดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่องแถวๆหลังหน้าแข้งเพราะมันเป็นมัดที่ช่วยประคองเอ็นร้อยหวายลดแรงตึงจากการวิ่ง(ซึ่งหมอเฉพาะทางหลายคนที่ไปหาไม่เคยบอกเรา) เดิมเราก็เวทเล่นขาประจำอยู่แล้วหลายปี ก็เลยลองเพิ่มท่าบริหารกล้ามเนื้อน่องเข้าไป จนลูกกลับจากญี่ปุ่นและรองเท้าวิ่งก็มาส่งพอดี เอาว่ะเริ่มวิ่งแม่งเลย วันแรกลองที่ระยะ2โล ซึ่งปกติจะปวดในวันรุ่งขึ้น100% ผลคือเฮ้ยไม่ปวดว่ะ ก็ค่อยๆขยับไปเรื่อยๆเพราะกลัวเจ็บ ค่อยๆเพิ่มเป็น3-4-5-6-7โล อ้าวไม่เจ็บจริงๆ ทีนี้ใจเริ่มมา ดีใจมากกกก ก็เพิ่มเป็น10โล 12โล และล่าสุด15โล โดยที่ไม่กลับมาเจ็บอีกเลย ผมคิดว่าน่าจะวิ่งฮาฟได้นะแต่แค่ยังไม่อยากเร่งมาก ค่อยเป็นค่อยไป กลัวเจ็บ มันเป็นอะไรที่แบบโคตรจะดีใจเลย เหมือนได้ขากลับมาใหม่ จากขาที่มีตำหนิโดนหมอเฉพาะทางกาหัวไว้ว่า "จะวิ่งไม่ได้ตลอดชีวิต!" แล้ววันนี้กลับมาวิ่งได้อีกครั้งในวัยเกือบ45 บอกไม่ถูกว่าดีใจขนาดไหน แต่เอาเป็นว่ามันรู้สึกดีกว่าตอนได้ออกรถใหม่ที่ชอบแบบเทียบกันไม่ติดเลย และผมก็เห่อขาคู่ใหม่มาก ตื่นมาวิ่งแม่งเกือบทุกวัน ยืนพื้นวันละ5โล แล้วสิ่งที่เปลี่ยนไปคือรู้สึกว่าตลอดชีวิต"วันนี้ตอนนี้ ตอนที่อายุจะ45แก่สุดตั้งแต่เกิดมา แต่มันคือช่วงเวลาที่เราแข็งแรงที่สุดในชีวิต" ปอดและหัวใจมันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก วิ่งไป15โล ชั่วโมงครึ่งแบบไม่หยุดก็ไม่ถึงกับเหนื่อยหอบ และปกติทุกอาทิตย์ผมจะว่ายน้ำในสระ1กิโล เดิมจะต้องหยุดพักหายใจทุก80-100เมตร เพราะเหนื่อยมากใจเต้นเร็ว แต่ล่าสุดสองครั้งที่ผ่านมา ผมว่ายแม่งรวดเดียวเลย1กิโล ประมาณ30นาทีแบบไม่หยุดพัก พอครบก็แปลกใจที่ยังหายใจแบบเรื่อยๆไม่หอบเหนื่อยตัวโยหรือใจเต้นแบบแรงๆ มันเหลือเชื่อมากกับสิ่งที่ร่างกายตอบสนองกลับมา ดังนั้นทั้งหมดผมจึงอยากบอกว่า ร่างกายเรามันโคตรมหัศจรรย์ มันพร้อมจะแข็งแรงกลับขึ้นมาได้ตลอดไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เพียงแค่เราฟังมันและให้เวลากับมัน โดยผมเชื่อว่าอีก5ปี 10ปี หรือมากกว่านี้ผมจะอยากแข็งแรงขึ้นกว่าวันนี้ คำตอบตอนนี้ยังไม่มีใครรู้แต่สักวันนึงมันจะเฉลยด้วยตัวมันเอง เหมือนที่กล่าวข้างต้น เราคือหมอที่ดีสุดสำหรับตัวเรา" อย่าไปคาดหวังกับหมอตามตำรามากนัก เพราะหมอบางคนร่างกายเค้าเองยังอ่อนแอกว่าเราอีก อย่าไปหวังพึ่งเคมีหรือยาวิเศษอะไรมาก เพราะยาที่ดีที่สุดคือภูมิคุ้มกันที่ร่างกายเราสร้าง และมันผ่านการพิสูจน์มาแล้วกว่าแสนๆปี ในยุคก่อนที่มนุษย์จะรู้จักการแพทย์สมัยใหม่ เพราะบรรพบุรุษเราก็มีเพียงภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่พาเราส่งต่อเผ่าพันธุ์กันมาได้หลายพันชั่วรุ่นอายุคนจนถึงทุกวันนี้ แต่เราชอบมองข้ามหมอในตัวและภูมิคุ้มกันในตัวเรา แล้วไปฝากความหวังกับหมอตามตำราและเคมีสมัยใหม่ต่างๆ ทั้งที่เราก็เห็นอยู่แล้วว่าการแพทย์เจริญมากขึ้น แต่ทำไมคนยิ่งป่วยและยิ่งอ่อนแอมากขึ้นตาม มะเร็งเยอะขึ้น คนรอบตัวป่วยเรื้อรังมากขึ้น หลายคนต้องกินยาไปตลอดชีวิต หมอในตำราไม่เคยรักษาเราที่ต้นเหตุแห่งความเจ็บป่วย แต่เค้าใช้วิธีที่ง่ายกว่าคือเอาเคมีไปกินทั้งๆที่เราป่วยด้วยตัวเราปากเรา แต่กลับไปแก้ที่เคมี ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ ดังนั้นก็รอกรอกยากันต่อไปนะ สุดท้ายเมื่อหมอคนใดก็ตามพิพากษาว่าเราจะต้องเป็นอย่างนั้น ทำได้แค่นั้น เราก็แค่ลุกขึ้นมาขบถต่อคำตัดสินนััน แล้วรื้อสำนวนตัวเราขึ้นมาพิจารณาอีกรอบ ไม่แน่มันอาจจะมี "คดีพลิก" ก็อาจเป็นได้ เหมือนวลีที่เหล่าบิทคอยเนอร์ชอบพูดติดปากกันเสมอว่า don't trust verify. #siamstr

#siamstr

Welcome to Ekaphol spacestr profile!

About Me

Wake up, drink coffee, weight training, ride, run, eat protein, eat protein, sleep 🔁

Interests

  • No interests listed.

Videos

Music

My store is coming soon!

Friends