ปีนาฉันค่อยลดน้ำหนัก ปีนาฉันค่อยลดน้ำหนัก ปีนาฉันค่อยลดน้ำหนัก เพราะปีนีไม่ทันแล้ว เช้าแดกข้าวกิโล เย็นหมูทะก็เป็นกิโล แดกมากซะขนาดเนี้ยหนะ ลดความอ้วนไม่ทันแล้ว Xmas
🔔 This profile hasn't been claimed yet. If this is your Nostr profile, you can claim it.
Edit
ปีนาฉันค่อยลดน้ำหนัก ปีนาฉันค่อยลดน้ำหนัก ปีนาฉันค่อยลดน้ำหนัก เพราะปีนีไม่ทันแล้ว เช้าแดกข้าวกิโล เย็นหมูทะก็เป็นกิโล แดกมากซะขนาดเนี้ยหนะ ลดความอ้วนไม่ทันแล้ว Xmas
🎯 จุดเข้าเทรดไม่ใช่ "Edge" 🚫 หยุดตามหาสูตรลับ เพราะอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดคือ "ตัวคุณเอง" 🧠 เคยไหม ❓ นั่งเฝ้าหน้าจอ รอสัญญาณซื้อขายที่สมบูรณ์แบบที่สุด คิดว่าถ้าเจอจุดเข้า (Entry) เทพๆ แล้วชีวิตจะเปลี่ยน... แต่ความเป็นจริงคือ กราฟเดียวกัน ระบบเดียวกัน คนหนึ่งกำไร แต่อีกคนขาดทุนยับเยิน วันนี้ Lina Engword จะพามาไขความลับที่เทรดเดอร์ระดับโลกเข้าใจตรงกัน นั่นคือ "Your Edge is YOU" ความได้เปรียบไม่ได้อยู่ที่กราฟ แต่อยู่ที่คนหลังหน้าจอ 📉 ทำไมแค่ "จุดเข้า" ถึงไม่ใช่คำตอบ การมีจุดเข้าเทรดที่ดี เป็นเพียงแค่ 10% ของสมการความสำเร็จเท่านั้น การโฟกัสแต่จุดเข้า คือการฝากความหวังไว้กับตลาด (สิ่งที่เราคุมไม่ได้) แต่ "Edge" หรือความได้เปรียบที่แท้จริง ต้องเกิดจากสิ่งที่เราคุมได้ 💯 💎 5 เสาหลักแห่ง "True Edge" ที่คุณต้องสร้างเอง 1️⃣ ศิลปะแห่งการปฏิเสธ (Defense is Offense) 🛡️ Edge ของคุณไม่ใช่การกระโดดใส่ทุกโอกาส แต่มันคือการ "ไม่เทรด" ในจุดที่ความเสี่ยงสูง หรือ Setup ไม่สวย 🔸 จำไว้ว่า กำไรที่รักษาไว้ได้ มีค่าเท่ากับกำไรที่หามาได้ การหลีกเลี่ยง Bad Trade คือกำไรทางอ้อมที่ดีที่สุด 2️⃣ ชนะศัตรูภายใน (Emotional Management) 🧘♂️ ตลาดหุ้นไม่ได้สู้กับเรา แต่เรากำลังสู้กับ Ego และความโลภของตัวเอง 🔸 Edge คือความสามารถในการนิ่งสงบ เมื่อตลาดผันผวน และไม่ปล่อยให้อารมณ์มากดปุ่ม Buy/Sell แทนแผนการ 3️⃣ วินัยเหล็กและการทำซ้ำ (Discipline) 🤖 ระบบเทรดที่ดีแค่ไหน ก็ไร้ค่าถ้าคุณไม่ทำตาม 🔸 ความสม่ำเสมอในการทำตามแผน (Execution) แม้ในวันที่น่าเบื่อ หรือวันที่ตลาดบีบหัวใจ นั่นคือความได้เปรียบที่ AI ก็เลียนแบบมนุษย์ได้ยากในเรื่องของ "สัญชาตญาณที่ผ่านการฝึกฝน" 4️⃣ กระจกเงาสะท้อนผลงาน (Journaling) 📓 คนส่วนใหญ่เทรดแล้วลืม แต่ยอดฝีมือเทรดแล้วจด 🔸 การจดบันทึกและแก้ไขข้อผิดพลาด คือการลับมีดให้คมขึ้นทุกวัน Edge ของคุณจะเติบโตตามกองบันทึกการเทรดที่คุณสะสม 5️⃣ คณิตศาสตร์แห่งความอยู่รอด (Positive Expectancy) 🧮 ไม่ใช่แค่ชนะให้บ่อย แต่ต้องชนะให้คุ้ม (Risk Reward Ratio) 🔸 สมการความรวย 🟰 (กำไรตอนชนะ ➕) ต้องมากกว่า (ขาดทุนตอนแพ้ ➖) ในระยะยาว 💡 บทสรุปจาก Lina Engword เลิกมองหา "จอกศักดิ์สิทธิ์" ใน Indicator ตัวใหม่ แล้วหันกลับมามองในกระจก เพราะ "You are your own edge" คุณคือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด (และเป็นความเสี่ยงสูงสุด) ของพอร์ตตัวเอง พัฒนาระบบความคิด ควบคุมอารมณ์ และมีวินัย... แล้วกำไรจะเป็นเพียงผลพลอยได้ของตัวตนที่ยอดเยี่ยมของคุณเองค่ะ 💸✨ ✒️ Lina Engword ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ #LinaEngword #TradingMindset #จิตวิทยาการลงทุน #TraderLife #SelfDiscipline #Investment #RiskManagement #เตือนสติ #ข้อคิดการเงิน
มีจุดที่น่าสนใจคือ ชื่อเจ้าของวลีนี้จริงๆ แล้วคือ Robert Mercer (โรเบิร์ต เมอร์เซอร์) อดีต Co-CEO ของ Renaissance Technologies (ไม่ใช่ John) ซึ่งทำงานร่วมกับ Peter Brown ภายใต้การก่อตั้งของ Jim Simons ตำนานแห่งวงการคณิตศาสตร์และการเงินค่ะ Lina ได้เรียบเรียงประเด็นนี้ใหม่ให้เข้าใจง่าย กระชับ และทรงพลัง พร้อมสำหรับการโพสต์ลงโซเชียลตามนี้เลยค่ะ 👇 🧠 ความลับของ "พระเจ้าแห่งควอนท์" 🤑 ชนะแค่ 50.75% ก็ทำเงินล้านล้านได้? เคยเชื่อไหมว่า คนที่จะรวยระดับโลกจากการลงทุน ต้องแม่นยำราวจับวาง ต้องถูกทุกครั้ง หรือต้องรู้อนาคต 🔮 แต่วันนี้ Lina Engword จะพามาดูความจริงจากปากของ Robert Mercer ผู้บริหารกองทุน Renaissance Technologies (RenTech) กองทุนที่ใช้คณิตศาสตร์ทำเงินได้โหดที่สุดในโลก 🗣️ เขาเคยกล่าวประโยคทองคำไว้ว่า "เราถูกแค่ 50.75% ของเวลาทั้งหมด... แต่เราถูก 100% ใน 50.75% นั้น และคุณสามารถสร้างเงินพันล้านได้ด้วยวิธีนี้" ฟังดูเหมือนน้อยใช่ไหมคะ? ผิดแค่ครึ่ง ถูกแค่ครึ่งนิดๆ แต่ทำไมถึงรวยมหาศาล? 💸 📉 วิเคราะห์เบื้องหลังตัวเลข 50.75% 🔹 พลังของ "แต้มต่อ" (The Edge) ในโลกของการเทรดด้วยความเร็วสูง (High-Frequency Trading) หรือ Quant Fund พวกเขาไม่ได้หากำไรคำโตจากการฟลุ๊ค แต่เขาหา "ส่วนต่างเล็กๆ" (Edge) ที่เหนือกว่าตลาด สมมติว่าโยนหัวก้อย โอกาสคือ 50/50 แต่ถ้าคุณมีกลยุทธ์ที่ทำให้โอกาสชนะเป็น 50.75% ส่วนต่างเพียง 0.75% นี่แหละ คือขุมทรัพย์! เพราะเมื่อคูณด้วยจำนวนการเทรดเป็นล้านๆ ครั้งต่อวัน ผลลัพธ์ทบต้นจะกลายเป็นกำไรมหาศาลแบบที่ใครก็ตามไม่ทัน 🔹 กฎของจำนวนมาก (Law of Large Numbers) คาสิโนรวยไม่ใช่เพราะโกง แต่เพราะเขามีแต้มต่อทางสถิติ (House Edge) เล็กน้อยในทุกเกม RenTech ก็ทำตัวเป็นเจ้ามือในตลาดหุ้น โดยใช้คณิตศาสตร์สร้างแต้มต่อนั้นขึ้นมา 🚫 กับดักความสมบูรณ์แบบ หลายคนพยายามหา "สูตรลับ" ที่ต้องชนะ 90-100% ซึ่งในโลกความเป็นจริงมันไม่มีอยู่จริง การพยายามทำให้ถูกทุกครั้ง มักนำไปสู่ความเครียด และการตัดสินใจที่ผิดพลาด (Overfitting) 💡 บทสรุปจาก Lina Engword เราไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะที่รู้ทุกเรื่อง หรือชนะทุกครั้งเพื่อให้ประสบความสำเร็จ 1️⃣ หา Edge ของตัวเองให้เจอ 🔸 แค่เก่งกว่าค่าเฉลี่ยเพียงนิดเดียวก็พอ 2️⃣ ทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอ 🔸 ความสำเร็จไม่ได้เกิดจาก "โชคใหญ่" ครั้งเดียว แต่เกิดจากชัยชนะเล็กๆ ที่สะสมกันเป็นล้านครั้ง 3️⃣ บริหารความเสี่ยง 🔸 แม้จะชนะแค่ 50.75% แต่ถ้าบริหารหน้าตักไม่ดี ก็เจ๊งได้เหมือนกัน เลิกกดดันตัวเองให้ต้อง Perfect แล้วหันมาโฟกัสที่ "ความน่าจะเป็น" และ "ความสม่ำเสมอ" กันดีกว่าค่ะ 🚀 ✒️ Lina Engword ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ #LinaEngword #RenaissanceTechnologies #JimSimons #RobertMercer #QuantitativeTrading #Mindset #การลงทุน #ข้อคิดธุรกิจ #StatisticalArbitrage
🛑 หยุดความคิด "All in" เลิกหวังน้ำบ่อหน้า ถ้าไม่อยากพาชีวิตไปสู่ทางตัน 💸 เคยสงสัยไหม ทำไมหลายคนถึงล้มเหลวแบบกู่ไม่กลับ ทั้งที่ดูเหมือนจะมีความหวังเต็มเปี่ยม ❓ คำตอบง่ายๆ คือ "เรามักมองแต่รางวัล จนลืมมองความเสี่ยง" วันนี้ Lina Engword ขอมาชวนวิเคราะห์กับดักทางความคิดที่พาคนลงเหวมากที่สุด นั่นคือการทุ่มหมดหน้าตัก หรือ "All in" โดยไม่มีแผนรองรับ 📉 วิเคราะห์กับดักความโลภ คนส่วนใหญ่มักตาโตกับผลตอบแทนที่วาดฝันไว้ แล้วตัดสินใจเทหมดหน้าตัก แต่หารู้ไม่ว่า นั่นไม่ใช่การลงทุน แต่มันคือการ "พนัน" กับอนาคตที่ไม่รู้ออกหัวหรือก้อย 🔹 หลักการที่ถูกต้อง "แพ้เสียน้อย ชนะได้มากกว่ามาก" กฎเหล็กของการอยู่รอด (Survival Rule) ในโลกความเป็นจริง ไม่ใช่การวัดดวง แต่คือการคำนวณ Asymmetric Risk/Reward หรือ ความเสี่ยงที่จำกัด แต่โอกาสทำกำไรไร้ขีดจำกัด หากผิดทางต้องเจ็บตัวน้อยที่สุด ไม่ใช่ตายสนิท 🚫 ทำไมคำว่า "ไปตายเอาดาบหน้า" ถึงใช้ไม่ได้ผล 1️⃣ มันคือความเสี่ยงถึงตาย (Ruin Risk) การไปตายเอาดาบหน้า เท่ากับการเดินเข้าหาความเสี่ยงโดยไม่มีเกราะป้องกัน ในทางกลยุทธ์ นี่ไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่คือ "ความประมาท" ที่จัดการความเสี่ยงไม่ได้ 2️⃣ รางวัลที่ไม่คุ้มค่า การเอาทุกอย่างไปแลกกับสิ่งที่ไม่รู้ว่ารางวัลคืออะไร หรือมีมูลค่าเท่าไหร่ เป็นสมการที่ติดลบตั้งแต่เริ่ม 🙏 เมื่อ "ศรัทธา" ถูกใช้บังหน้า "ความโลภ" หลายคนเลือกที่จะ All in แล้วหวังพึ่งปาฏิหาริย์ หวังว่าพระเจ้าจะเมตตา... แต่ความจริงที่โหดร้ายคือ 🔸 พระเจ้าไม่ได้สร้างปาฏิหาริย์ให้กับความโลภ (Lobha) 🔸 พระเจ้าไม่ได้ช่วยคนที่ขับเคลื่อนด้วยความหลง (Moha) และโทสะ (Dosa) 🔸 พระเจ้าอาจกำลังทดสอบ "สติปัญญา" ของคุณมากกว่า "ศรัทธา" เมื่อคุณตัดสินใจพลาดจนสูญเสีย ต่อให้สวดอ้อนวอนแค่ไหน ก็ไม่อาจเรียกคืนสิ่งที่เสียไปได้ เพราะนั่นคือผลลัพธ์ของการกระทำที่ขาดสติ ไม่ใช่บทลงโทษจากฟ้า 💡 บทสรุป เลิกใช้ชีวิตด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ แล้วหันมาใช้ "การบริหารความเสี่ยง" นำทาง อย่าให้กิเลสมาบังตาจนพาชีวิตไป All in ในเกมที่คุณไม่มีวันชนะ ✒️ Lina Engword ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ ➖ #LinaEngword #บริหารความเสี่ยง #เตือนสติ #การลงทุน #RiskManagement #Mindset #เลิกโลภ #ข้อคิดชีวิต
💥 "ฉันเคยเป็นคนหน้าโง่ที่มีประโยชน์" อดีตภรรยาผู้ก่อตั้ง Google แฉแหลกวงการ "คุณนายไอที" และวาระซ่อนเร้นระดับโลก! 🌍😱 สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ วันนี้ Lina Engword ไปเจอคลิปสัมภาษณ์ที่สั่นสะเทือนวงการไฮโซซิลิคอนวัลเลย์มาฝากค่ะ เรื่องนี้มาจากปากของ Nicole Shanahan อดีตภรรยาของ Sergey Brin (ผู้ร่วมก่อตั้ง Google) ที่ออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือกถึงเบื้องหลังชีวิตที่ดูหรูหรา แต่แฝงไปด้วยความดำมืดและการถูกหลอกใช้ค่ะ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ลิน่าสรุปมาให้แล้วค่ะ 👇 ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 🕵️♀️ เปิดโปงชีวิต "Tech Wives" (ภรรยาเศรษฐีไอที) 🔹 ฉากหน้าหรูหรา ข้างในพังยับ นิโคลเล่าว่าภาพลักษณ์ภรรยาเศรษฐีในซิลิคอนวัลเลย์ที่ดูสวยหรู รวยล้นฟ้า ความจริงแล้วชีวิตพวกเธอว่างเปล่าและไร้ความหมายสุดๆ ค่ะ หลายคนต้องกินยาแก้เครียดหรือยาซึมเศร้าเป็นกำมือ 💊 เพื่อประคองสติให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน 🔹 เป็นแค่ "Useful Idiots" (คนหน้าโง่ที่มีประโยชน์) คำนี้แรงมากค่ะ! เธอบอกว่าผู้หญิงกลุ่มนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว ด้วยความที่ชีวิตว่างเปล่า พวกเธอเลยพยายามหา "คุณค่า" ให้ตัวเองด้วยการเอาเงินสามีไปบริจาคให้มูลนิธิ (NGO) ต่างๆ เพื่อจะได้รู้สึกว่า "ฉันเป็นคนดี ฉันกำลังกอบกู้โลก" 🦸♀️ ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 🌪️ เงินบริจาคไปไหน? ความจริงที่น่าตกใจ 🔸 คำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้หลอกคนรวย นิโคลแฉว่าถ้าอยากจะจูงจมูกพวกคุณนายหัวก้าวหน้าเหล่านี้ แค่พูดคำว่า 1️⃣ "Social Justice" (ความยุติธรรมทางสังคม) ⚖️ 2️⃣ "Climate Change" (โลกร้อน) 🌱 แค่ 2 คำนี้ค่ะ! พวกเธอก็พร้อมจะเซ็นเช็คจ่ายไม่อั้นทันที เพราะมันขายง่ายและดูเป็นคนดีมากๆ 🔸 เส้นทางสู่ "The Great Reset" นิโคลสารภาพว่าเธอเคยทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ไปกับโครงการเหล่านี้ แต่ผลลัพธ์คือ ศูนย์ ค่ะ เงินไม่ได้ไปช่วยคนจริงๆ แต่กลับถูกส่งต่อไปสนับสนุนวาระซ่อนเร้นของกลุ่มอำนาจระดับโลก (Global Elites) เช่น World Economic Forum (WEF) ผ่านเครือข่ายฮอลลีวูดและเมืองดาวอส เพื่อผลักดันวาระ The Great Reset หรือการจัดระเบียบโลกใหม่นั่นเองค่ะ 👁️ ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 🗣️ Lina Engword วิเคราะห์เจาะลึก สิ่งที่นิโคลออกมาพูดถือว่ากล้าหาญมากค่ะ เพราะเธอกำลังท้าทายโครงสร้างอำนาจที่เธอเคยเป็นส่วนหนึ่ง 1️⃣ การตลาดแห่งความรู้สึกผิด กลุ่มอำนาจใช้ความรู้สึกผิด (Guilt) ของคนรวยและความต้องการเป็นที่ยอมรับ มาเป็นเครื่องมือในการระดมทุนมหาศาลเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่พวกเขาต้องการ 2️⃣ ความตื่นรู้ของคนใน การที่คนระดับ "วงในสุดๆ" อย่างนิโคลออกมาพูด (ปัจจุบันเธอผันตัวมาทำงานการเมืองและวิพากษ์วิจารณ์พรรคเดโมแครตเดิมของเธอ) สะท้อนให้เห็นรอยร้าวในกลุ่ม Elite ว่าอาจจะมีความขัดแย้งทางความคิดที่รุนแรงเกิดขึ้นค่ะ ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 💡 บทสรุปจากนิโคล "ฉันเคยเป็นหนึ่งในคนที่ถูกหลอกให้เอาเงินไปสนับสนุนระเบียบโลกใหม่โดยไม่รู้ตัว และตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันจะไม่เงียบอีกต่อไป" 🚫🗣️ แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? การทำบุญบังหน้ามีอยู่จริงหรือเป็นแค่ทฤษฎีสมคบคิด? คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยนะคะ 👇 โดย Lina Engword #LinaEngword #NicoleShanahan #Google #SiliconValley #TheGreatReset #WEF #TechWives #เบื้องหลังคนรวย #ข่าวรอบโลก https://x.com/i/status/1995446043111277049
เลิกตามหา "สูตรลับ" ที่ไม่มีจริงกันเถอะค่ะ: บทเรียนจากพ่อมด Ed Seykota 📉📈 สวัสดีเพื่อนๆ นักลงทุนทุกคนค่ะ วันนี้ Lina Engword มีข้อคิดเตือนใจดีๆ จาก Ed Seykota หนึ่งในเทรดเดอร์ระดับตำนานจาก Market Wizards มาฝากกันค่ะ ประโยคนี้สั้นแต่กระแทกใจ และอาจจะเปลี่ยนมุมมองการลงทุนของคุณไปตลอดกาลเลยนะคะ 💬 คำคม: “In trading, everything works sometimes and nothing works always.” “ในการเทรด... ทุกวิธีการใช้ได้ผลแค่ 'บางครั้ง' และไม่มีวิธีการไหนที่ใช้ได้ผล 'ตลอดไป'” ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 🔍 Lina Engword ชวนวิเคราะห์: ความจริงที่เจ็บปวดแต่ต้องยอมรับ 🧠 🔹 ไม่มี Holy Grail ในตลาดการเงิน หลายคน (รวมถึงลิน่าในอดีตด้วยค่ะ) มักจะเสียเวลาไปกับการตามหาระบบเทรดที่ "แม่น 100%" หรือ Indicators ที่ไม่มีวันแพ้ พอระบบเดิมเริ่มขาดทุน ก็วิ่งไปหาระบบใหม่ วนลูปไม่จบไม่สิ้น ซึ่ง Ed Seykota บอกชัดเจนเลยค่ะว่า "มันไม่มีอยู่จริง" 🔹 ตลาดเปลี่ยนแปลงเสมอ ตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์ต่างๆ มีฤดูกาลและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาค่ะ 1️⃣ ระบบที่เน้นเกาะเทรนด์ (Trend Following) อาจจะทำกำไรมหาศาลช่วงตลาดขาขึ้น แต่จะขาดทุนยับเยินในช่วงตลาดไซด์เวย์ 2️⃣ ระบบที่เน้นกินกำไรระยะสั้น (Mean Reversion) อาจจะดีในตลาดผันผวน แต่พอเจอกระชากแรงๆ ก็อาจจะพอร์ตแตกได้ 🔹 ทางรอดคือ "การปรับตัว" และ "การจัดการเงิน" เมื่อเรารู้แล้วว่าไม่มีท่าไม้ตายเดียวที่ใช้ได้ตลอดชีพ สิ่งที่สำคัญกว่าเทคนิคการเข้าซื้อ คือ การบริหารหน้าตัก (Money Management) และการรู้ว่าเมื่อไหร่ระบบของเรา "ไม่ทำงาน" เพื่อที่จะถอยออกมาตั้งหลัก หรือปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาวะตลาดในตอนนั้นนะคะ ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 💡 สรุปสั้นๆ สไตล์ Lina หยุดตามหาระบบเทพ แล้วหันมาโฟกัสที่วินัยและการคุมความเสี่ยงแทนค่ะ ยอมรับความจริงว่าการขาดทุนคือส่วนหนึ่งของเกม และไม่มีใครชนะตลาดได้ทุกวัน การอยู่รอดในระยะยาวต่างหากคือชัยชนะที่แท้จริงค่ะ 🏆 แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ เคยเจอระบบที่เคยดีมากๆ แล้วอยู่ดีๆ ก็ใช้ไม่ได้ผลบ้างไหมคะ? มาแชร์ประสบการณ์กันได้ในคอมเมนต์เลยนะคะ 👇 โดย Lina Engword #LinaEngword #EdSeykota #TradingPsychology #Mindsetการลงทุน #หุ้น #Forex #Crypto #การลงทุน #เตือนสติเทรดเดอร์
🧠 เจาะลึกปรัชญาเทรดระดับตำนาน: Jim Simons กับความลับของ "สัญญาณที่ไม่สัมพันธ์กัน" 📉📈 หากพูดถึงราชาแห่ง Quant หรือการใช้คณิตศาสตร์มาพิชิตตลาดหุ้น ชื่อของ Jim Simons ผู้ก่อตั้ง Renaissance Technologies คือที่สุดของวงการ วันนี้ Lina Engword หยิบยกประโยคทองของเขามาขยายความให้เข้าใจง่ายๆ สำหรับเทรดเดอร์ทุกคนค่ะ 💬 คำคม: "The key is combining many independent ones [signals]—meaning you don't want to overdo any one. And correlated signals are redundant. More uncorrelated signals improve reliability." "กุญแจสำคัญคือการรวบรวมสัญญาณอิสระจำนวนมากเข้าด้วยกัน... สัญญาณที่สัมพันธ์กัน (Correlated) นั้นซ้ำซ้อน แต่การมีสัญญาณที่ไม่สัมพันธ์กัน (Uncorrelated) มากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและความน่าเชื่อถือได้มากเท่านั้น" ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 🔍 Lina Engword วิเคราะห์: ทำไมต้อง "ไม่สัมพันธ์กัน"? 🔹 กับดักของคนส่วนใหญ่ (Redundant Signals) เทรดเดอร์หลายคนตกหลุมพรางโดยการใส่ Indicator ลงไปในกราฟเยอะๆ เช่น ใส่ RSI, MACD, และ Stochastic พร้อมกัน แล้วคิดว่าถ้ายืนยันตรงกันหมดคือแม่นยำ ⚠️ ความจริงคือ: เครื่องมือเหล่านี้อาจจะคำนวณมาจากราคา (Price) เหมือนกัน วิ่งไปทางเดียวกัน การมีเยอะไม่ได้ช่วยยืนยันอะไรเพิ่ม แต่มันคือ "ข้อมูลซ้ำซ้อน" (Redundancy) ค่ะ 🔹 พลังของความแตกต่าง (Uncorrelated Signals) Simons แนะนำให้หา "ตัวแปร" ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยมารวมกัน เช่น 1️⃣ ข้อมูลราคา (Technical) 2️⃣ ข้อมูลข่าวสาร (Sentiment) 3️⃣ ข้อมูลพื้นฐาน (Fundamental) 4️⃣ หรือข้อมูลทางเลือกอื่นๆ (Alternative Data) ✅ ผลลัพธ์: เมื่อตัวแปรเหล่านี้ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งที่ที่มาต่างกัน นั่นแหละค่ะคือ "ความน่าเชื่อถือ" (Reliability) ที่แท้จริง และช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าการทุ่มไปที่สัญญาณเดียว ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 💡 สรุปสั้นๆ สไตล์ Lina อย่ามองหาแค่ "ปริมาณ" ของสัญญาณ แต่จงมองหา "ความหลากหลาย" ของที่มา การมีไข่หลายใบในตะกร้าใบเดียวไม่ช่วยอะไร แต่การกระจายไข่ไปวางในที่ที่ปลอดภัยต่างกัน นั่นคือหนทางสู่ความยั่งยืนในระยะยาวค่ะ 🚀 เพื่อนๆ เทรดเดอร์ใช้อะไรเป็นสัญญาณยืนยันกันบ้าง? คอมเมนต์มาแชร์กันได้เลย! 👇 โดย Lina Engword #LinaEngword #JimSimons #QuantTrading #การลงทุน #หุ้น #Forex #Crypto #Mindsetการลงทุน #ความรู้การเงิน #เทรดเดอร์
🚨 สายสุขภาพต้องรู้! ผักสดที่เรากินทุกวัน ปลอดภัยแค่ไหน? 🥗🐛 ใครชอบกินผักสดแกล้มลาบ น้ำพริก หรือสลัด ต้องหยุดอ่านทางนี้ก่อนครับ วันนี้ Lina Engword นำข้อมูลงานวิจัยที่น่าสนใจ (และน่าตกใจ!) มาสรุปให้เข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับ "ปรสิตในผักสด" ที่วางขายในกรุงเทพฯ ครับ งานวิจัยนี้ศึกษาโดย คุณอุทัยทิพย์ บุญเกษม ที่ได้ทำการสุ่มตรวจผักสด 15 ชนิด เพื่อหาการปนเปื้อนของพยาธิ ผลลัพธ์ที่ได้ทำเอาขนลุก โดยเฉพาะ "โหระพา" ที่เจอแจ็คพอตแตก 100%! ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 📊 จัดอันดับความเสี่ยง! ผักที่มีพยาธิปนเปื้อนมากที่สุด (เรียงจากมากไปน้อย) 🔴 กลุ่มเสี่ยงสูงมาก (เจอเกินครึ่ง!) 1️⃣ โหระพา ➡️ 100% (ตรวจทุกต้น เจอทุกต้น!) 😱 2️⃣ สะระแหน่ ➡️ 60% 3️⃣ ผักชี ➡️ 60% 4️⃣ ใบบัวบก ➡️ 50% 5️⃣ มะเขือเทศ ➡️ 50% 🟠 กลุ่มเสี่ยงสูง (ต้องระวัง) 6️⃣ ผักกาดขาว ➡️ 45% 7️⃣ ผักชีฝรั่ง ➡️ 35% 8️⃣ ผักสลัด ➡️ 35% 9️⃣ ผักชีล้อม ➡️ 25% 🟡 กลุ่มเสี่ยงปานกลาง-ต่ำ 🔟 ถั่วฝักยาว ➡️ 15% 1️⃣1️⃣ กะหล่ำปลี ➡️ 10% 1️⃣2️⃣ ผักบุ้ง ➡️ 10% 1️⃣3️⃣ คะน้า ➡️ 5% 1️⃣4️⃣ ผักกาดแก้ว ➡️ 5% 🟢 กลุ่มปลอดภัย (ในงานวิจัยนี้) 1️⃣5️⃣ แตงกวา ➡️ 0% ✅ ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 🔍 Lina Engword วิเคราะห์เจาะลึก 🧐 🔹 ทำไมตัวเลขถึงน่ากลัวขนาดนี้? ต้องเข้าใจก่อนว่า "100%" ในที่นี้หมายถึง ในกลุ่มตัวอย่างที่นำมาทดสอบ (เช่น เก็บมา 20 กำ ก็เจอพยาธิทั้ง 20 กำ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในตลาดสดบางแห่ง การปนเปื้อนอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยพยาธิที่มักพบคือ พยาธิปากขอ และ พยาธิสตรองจิลอยด์ (Strongyloides) ซึ่งมาจากดิน ปุ๋ยคอก หรือน้ำที่ใช้รด 🔹 ผักพื้นบ้านเสี่ยงกว่า? สังเกตไหมครับว่าผักที่มีลักษณะต้นเตี้ย เรี่ยดิน หรือผักที่มีซอกใบเยอะๆ อย่าง โหระพา สะระแหน่ ผักชี จะมีเปอร์เซ็นต์การปนเปื้อนสูงกว่าผักผิวเรียบอย่างแตงกวา เพราะไข่พยาธิเกาะติดง่ายและล้างออกยากกว่า 🔹 ต้องเลิกกินไหม? ❌ ไม่ต้องเลิกครับ! ผักยังมีประโยชน์มหาศาล แต่ "ห้ามกินโดยไม่ล้างเด็ดขาด" หรือถ้าจะให้ดี ปรุงสุกปลอดภัยที่สุดครับ ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ 💡 How-to ล้างผักให้รอดจากพยาธิ 🚿 จะกินสดทั้งที ต้องล้างให้ถูกวิธีครับ กรมอนามัยแนะนำไว้ดังนี้ 1️⃣ น้ำไหลผ่าน 🚿 แกะกลีบใบออก ล้างผ่านน้ำไหลนาน 2 นาที (ช่วยลดสารเคมีและไข่พยาธิได้ดี) 2️⃣ สูตรเบกกิ้งโซดา 🧪 ใช้ครึ่งช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร แช่ไว้ 15 นาที แล้วล้างออก 3️⃣ สูตรน้ำส้มสายชู 🥣 ใช้ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ไว้ 10-15 นาที ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ กินผักดี แต่ต้อง "กินเป็น" ด้วยครับผม! ด้วยความปรารถนาดี ✒️ Lina Engword #LinaEngword #สุขภาพดี #ผักสด #ระวังพยาธิ #ความรู้สุขภาพ #FoodSafety #ล้างผัก #งานวิจัย
กำลังจะเล่นค่ะ
‼️ เปิดตำรา "วิชาคน" กฎเหล็กทางสังคมที่ไม่มีสอนในห้องเรียน รู้ไว้...จะได้เปรียบ 🧠 เคยไหม ❓ ที่รู้สึกว่าทำดีแทบตายแต่ไม่ได้ดี หรือบางครั้งความหวังดีของเรากลับกลายเป็น "อวดดี" ในสายตาคนอื่น คลิปนี้ได้รวบรวม จิตวิทยาการใช้ชีวิต และ มารยาททางสังคม ที่ลึกซึ้ง (บางข้ออาจดูโหดร้ายแต่มันคือเรื่องจริง) มาสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ค่ะ 1️⃣ ศิลปะการใช้เงินและการซื้อใจ 🔹 ของราคาถูก ➡️ ซื้อกับคนรู้จัก เพราะถือเป็นการช่วยอุดหนุนและรักษา "น้ำใจ" 🔹 ของราคาแพง ➡️ ซื้อร้านที่ไม่รู้จัก เพราะเราสามารถ "ต่อรองราคา" ได้ง่ายกว่า โดยไม่ต้องเกรงใจ 2️⃣ มารยาทบนโต๊ะอาหารและวงสนทนา 🔹 โต๊ะที่มีคนมากกว่า 3 คน 🚫 ไม่ควรคุย "เรื่องส่วนตัว" 🔹 งานสังสรรค์ที่มีเกิน 6 คน 🚫 ไม่ควรคุย "เรื่องงาน" 🔹 ถ้ามีเจ้าภาพเชิญไปเลี้ยง 🚫 อย่าพาเพื่อนของตัวเองติดสอยห้อยตามไปด้วย (มารยาทสำคัญมาก) 🔹 เจอคนรู้จักกำลังกินข้าว 🚫 แค่ทักทายพอ อย่าถือวิสาสะเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกินกับเขา 3️⃣ จิตวิทยาความสัมพันธ์และการวางตัว 🔹 ผู้หญิงที่เลือกนั่งตรงข้ามคุณ มีแนวโน้มจะ "เปิดใจ" ให้คุณง่ายกว่า 🔹 เรื่องการแบ่งปัน สิ่งที่คุณคิดว่าคือการ "แชร์ความสุข" อีกฝ่ายอาจมองว่าคุณกำลัง "อวดดี" (ระวังเส้นบางๆ นี้ให้ดี) 🔹 ลูกคนอื่น...ห้ามสอน ต่อให้สนิทแค่ไหน หรือเด็กซนเพียงใด อย่าไปสั่งสอนลูกเขา เพราะเท่ากับตบหน้าพ่อแม่เด็กทางอ้อม 4️⃣ เทคนิคการขอความช่วยเหลือและการทำงาน 🔹 ไปทำงานต่างถิ่น (เมืองเพื่อนเก่า) อย่ารีบติดต่อทันที ให้ติดต่อวันสุดท้ายก่อนกลับแล้วค่อยนัดกินข้าว (เว้นระยะห่างให้พองาม) 🔹 จะไหว้วานใคร...ต้องมีของติดมือ เขาอาจจะไม่รับของ แต่คุณ "ห้าม" ไปตัวเปล่าเด็ดขาด 🔹 ถ้าเขาไม่ออกปากขอ...อย่าเสนอหน้าช่วย บางครั้งต้องรู้จัก "แกล้งโง่" เพื่อเก็บแต้ม อย่าโชว์เหนือเกินความจำเป็น 🔹 คนพูดเยอะ = พลาดเยอะ การพูดควรมีแค่ 3 เป้าหมาย คือ 1.ให้คนพอใจ 2.ให้คนช่วยเรา 3.เพื่อให้ได้เงิน 5️⃣ การจัดการอารมณ์และศัตรู 🔹 อย่าตัดสัมพันธ์แบบหักดิบ ต่อหน้าให้รู้จักอ่อนน้อม ถนอมน้ำใจ แต่ลับหลังต้องเด็ดขาด 🔹 ยิ้มให้คนที่ไม่ชอบขี้หน้า คือทักษะชั้นสูงที่มนุษย์สังคมต้องฝึกให้เป็น 🔹 คุกที่ใหญ่ที่สุด คือ "ความคิด" ของเราเอง ใครติดอยู่ในกรอบเดิมๆ ไปไหนก็เหมือนนักโทษ 💡 บทวิเคราะห์เพิ่มเติม (Fact Check) เนื้อหาในคลิปเป็นการรวบรวมแนวคิดแบบ "Street Smart" หรือความฉลาดทางสังคม ผสมผสานกับปรัชญาจีนโบราณ (สังเกตจากบริบทเรื่องการค้าขายและการวางตัว) ✅ ข้อเท็จจริง เรื่องมารยาททางสังคม (Social Etiquette) เช่น การไม่พาคนนอกไปงานเลี้ยง หรือการไม่สอนลูกคนอื่น เป็นมารยาทสากลที่ควรทำ 💬 "คนเก่งไม่ได้สู้กันแบบเปิดหน้า แต่สู้กันด้วยความนิ่งและปัญญา" ใครนำไปปรับใช้ได้ถูกจังหวะ คนนั้นคือผู้ชนะในเกมสังคมค่ะ เขียนและเรียบเรียงโดย Lina Engword #จิตวิทยา #การพัฒนาตนเอง #ข้อคิดดีๆ #กฎแรงดึงดูด #LinaEngword #LinaEngwordสรุปให้ #SocialRules
📈 เจาะลึกวิธีคิดเทรดเดอร์สาย "Bayesian" คิดแบบความน่าจะเป็น ไม่เดาทิศทางมั่วซั่ว! คุณเคยได้ยินคำว่า "Bayesian" ไหม? 🧐 ลอง Google ดูสิ! วันนี้ Lina Engword จะพาไปถอดรหัสกระบวนการคิดของเทรดเดอร์ที่ใช้หลักสถิติและความน่าจะเป็นในการเอาชนะตลาด ซึ่งเน้น "การจัดการความเสี่ยง" เป็นหัวใจสำคัญยิ่งกว่าการเก็งกำไร 💡 วิเคราะห์หลักคิดและการทำงาน 🔸 1. มองโลกแบบทวิลักษณ์ (Binary Narratives) ในหัวของเทรดเดอร์สายนี้ ไม่ได้ปักใจเชื่อทางใดทางหนึ่ง 100% เสมอ แต่จะมีฉากทัศน์ (Scenario) รองรับทั้ง 2 ด้าน 🔹 ตัวอย่างเช่น Bitcoin 🪙 อาจพุ่งไป $200,000 หรือร่วงเหลือ $30,000 ก็ได้ 🔹 รับฟังและวิเคราะห์ทั้งสองด้านอย่างจริงจัง แต่วางน้ำหนักการลงทุนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ 🔸 2. ปรับน้ำหนักตามหน้างานจริง (Probability Adjustment) ขนาดของการเดิมพัน (Bet size) เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยดูจาก "พฤติกรรมราคา vs ปัจจัยพื้นฐาน" 1️⃣ ถ้ามีข่าวดี (Bullish news) ออกมา 2️⃣ แต่ราคากลับอ่อนแรงลง (Price weakness) 3️⃣ นี่คือสัญญาณให้เพิ่มน้ำหนักความน่าจะเป็นในฝั่ง "ขาลง" ทันที 📉 🔸 3. กลยุทธ์การเข้าออเดอร์ (Execution Strategy) ต่อให้มั่นใจในทฤษฎีนั้นถึง 60-70% (ซึ่งถือว่าสูงที่สุดแล้วสำหรับสาย Bayesian) ก็จะ ไม่ เข้าเทรดทันที แต่จะรอ... 🎯 Asymmetric R-r จุดที่ความเสี่ยงต่ำแต่ผลตอบแทนสูง 🎯 Defined Risk จุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน ถ้าราคาถึงจุดนี้ต้องยอมรับว่าคิดผิด และถอยกลับมาตั้งหลัก (เข้าเกียร์ว่าง) 🔸 4. กฏเหล็ก Risk Management (สำคัญที่สุด!) 🛡️ เทรดเดอร์มืออาชีพมองตัวเองเป็น "ผู้บริหารความเสี่ยง" (Risk Manager) ก่อนเป็นเทรดเดอร์เสมอ ⛔ ในการเดิมพันแต่ละครั้ง จะไม่เสี่ยงเกิน 0.8% ของพอร์ต (ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ!) เพื่อรักษาเงินทุนให้คงอยู่ 📊 สรุปสไตล์การเทรด เน้นตลาด Futures, ETF และ Bitcoin โดยเฝ้าดูตลาดกว่า 40-50 ตัว แต่เทรดเฉลี่ยเพียง 3 ครั้งต่อปีต่อตัวเท่านั้น เน้นคุณภาพคับแก้ว ไม่เน้นปริมาณการเทรด 💬 ใครที่เทรดแบบใช้อารมณ์ ลองปรับมาใช้หลักการ Bayesian และคุมความเสี่ยงแบบนี้ดู พอร์ตของคุณอาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล! 👇 เพื่อนๆ มีเทคนิคคุมความเสี่ยงกันยังไง? คอมเมนต์แชร์กันได้เลย #TraderMindset #BayesianTrading #RiskManagement #Bitcoin #TradingStrategy #Investment #MoneyManagement #LinaEngword
เมื่อผลตรวจ DNA บอกว่าฉันคือ "นักเล่าเรื่องแห่งแดนหนาว" ❄️📜 เพิ่งได้ผลวิเคราะห์ทางพันธุกรรมมาแบบละเอียด แล้วก็ต้องขนลุก เพราะมันไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มันคือเรื่องราวของ "รากเหง้า" ที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา 🧬 Bloodline: ผลออกมาเซอร์ไพรส์มาก เลือดในตัวฉันคือ East Slavic แบบเข้มข้นถึง 86%! 🇷🇺 รัสเซีย 48% 🇧🇾 เบลารุส 23% 🇺🇦 ยูเครน 15% ผสมกับกลิ่นอายของเพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์และแถบบอลติกนิดๆ 👱🏻♀️ The Look: แอปวิเคราะห์ว่าโครงหน้า จมูกที่โค้งมน และนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของฉัน คือพิมพ์นิยมของชาวสลาวิกแท้ๆ มิน่าล่ะ... ถึงรู้สึกถูกชะตากับความหนาว 🍲 The Soul: ที่พีคที่สุดคือเรื่อง "จิตวิญญาณ" บรรพบุรุษของฉันคือ "Village Storytellers & Artisans" (นักเล่าเรื่องและช่างฝีมือ) ผู้ใช้ชีวิตเรียบง่าย ผูกพันกับธรรมชาติ และอาหารการกินที่เน้นของหมักดอง ธัญพืช และสมุนไพรอย่าง "Dill" (ผักชีลาว) ซึ่งเป็นกลิ่นอายแห่งความอบอุ่นในครัวเรือนของชาวรัสเซีย รู้สึกเหมือนได้เจอจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของชีวิต ยินดีที่ได้รู้จักนะ... ตัวฉันในอีกเวอร์ชัน :) #Ancestry #DNAtest #SlavicRoots #RussianHeritage #MyOrigins
ทำอะไรจริงจังจริงใจ ให้มากกว่าขอ คิดเยอะแต่ไม่คิดมาก ไม่พูดมากแต่พูดเก่ง เมตตาแต่ไม่ปราณี Creative Commons license Show the source - not for commercial use - not modified. (cc-by-nc-nd) Height : 158 cm Weight : 55 kg Bloodtype : O Eyesight : less than -4.8 Shoe size : 23.5 cm Size 38 Clothing size : S-M Occupation : Luthier and Musician Source of inspiration : Enlightened person Hobbies : Cook Likes : Eat Hates : roach and harm Pets : a Cat Favourite Bands : Metallica, X-JAPAN, Within Temptation, Xandria, after school, In Flames, Drying Fetus, L Arc N Ciel, Luna Sea, Apocalyptica, Versailles, Evanescence, Nile, Alexi laiho Cigarettes : Nonsmoker Brands : n/a Manga : DEATH NOTE, Bleach Movie : Underworld Idol : Milla Jovovich and Kate Beckinsale Drinks : Arabica Coffee Latte and Amecano, Juice, Soybean milk, Milk